xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่าวิกฤตโควิด! เกษตรกรรวมกลุ่ม “ทีมเพชรน้ำดำ” เลี้ยงหนูนาตัวบิ๊กเบิ้มขายรายได้งาม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาฬสินธุ์ - น่าชื่นชม! เกษตรกรชาวกาฬสินธุ์รวมกลุ่มในนาม “ทีมเพชรน้ำดำ” เพาะเลี้ยงหนูนาตัวบิ๊กเบิ้มขนาดตัวละ2 กิโลฯ ส่งขายเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ หักต้นทุนค่าใช้จ่ายเหลือเป็นกำไรอย่างต่ำ 10,000 บาท/เดือน สามารถเลี้ยงครอบครัวในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำห้วงโควิด-19 แพร่ระบาดได้สบายๆ


ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงหนูนาของกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนา “ทีมเพชรน้ำดำ” ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้เลี้ยงหนูนาในพื้นที่อำเภอต่างๆ ของ จ.กาฬสินธุ์ ที่รวมกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนาเป็นอาชีพเสริม นอกจากการทำไร่ทำนาและงานประจำ สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเป็นอย่างดี โดยมีนายฑณากร ศรีเหรา เจ้าของปฐมพรฟาร์มหนูพุกใหญ่สมเด็จ หรือร้านปฐมพรค้าข้าว ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 23 ม. 5 ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ เป็นประธานกลุ่ม นายพินิจนัย แหนบนาค เจ้าของฟาร์มพินิจนัยฟาร์ม ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 9 บ้านนาจารย์ ต.นาจารย์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ เป็นรองประธานกลุ่ม

นายฑณากร ศรีเหรา เจ้าของปฐมพรฟาร์มหนูพุกใหญ่สมเด็จ ประธานกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนา “ทีมเพชรน้ำดำ” เล่าว่า แต่ก่อนนั้นตามท้องไร่ท้องนาจะมีหนูนา หรือหนูพุกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และชาวบ้านในพื้นที่ภาคอีสานมักนิยมจับมาทำเป็นอาหารรับประทานกัน แต่ในปัจจุบันจากการใช้สารเคมีทำให้หนูนาที่อยู่ตามธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงหาได้ยากมากขึ้น ตนจึงหันมาเลี้ยงหนูนา เลี้ยงมาได้ประมาณเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว


โดยการสั่งซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ หนูนาพันธุ์ใหญ่จากชาวบ้านที่จับมาได้ตามธรรมชาติ และตามฟาร์มเลี้ยงหนูนาในพื้นที่ต่างๆ มาเพาะเลี้ยงดู ปรากฏว่าสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีหนูนาที่เพาะเลี้ยงอยู่กว่า 1,000 ตัว มีออเดอร์สั่งเข้ามาจากทั่วประเทศ เพาะพันธุ์ได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ เนื่องจากความต้องการมีมาก ดังนั้นจึงได้คุยกันในกลุ่มเพื่อนๆ ที่เพาะเลี้ยงหนูนาจนได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนาขึ้นมาภายใต้ชื่อทีมเพชรน้ำดำ

นายฑณากรบอกอีกว่า สำหรับการเลี้ยงหนูนาใช้พื้นที่ไม่มาก สามารถเลี้ยงในท่อซีเมนต์ได้ เพียงก่ออิฐให้อยู่ในพื้นที่จำกัด เลี้ยงเป็นคู่ไว้ประมาณ 25 วัน หนูก็จะผสมพันธุ์และเริ่มตั้งท้อง ซึ่งแม่พันธุ์ 1 ตัวจะออกลูกประมาณ 1-10 ตัวโดยประมาณ จากนั้น 3-4 เดือน หนูนาก็จะตัวโตเต็มที่ มีน้ำหนักประมาณตัวละ 7 ขีดถึง 2 กก.พร้อมจับขายได้เลย

การเลี้ยงหนูนา 1 ตัว จะมีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเฉลี่ยประมาณ 50 บาท และหากขายเป็นหนูเนื้อจะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 200-250 บาท แต่ถ้าขายเป็นพ่อแม่พันธุ์ก็จะได้ราคาดีกว่า คือ ชุดละราคา 700-2,000 บาท เป็นพ่อพันธุ์ 1 ตัว และแม่พันธุ์ 2 ตัว จึงถือว่าได้กำไรสูงมาก ขณะที่ความต้องการของตลาดก็มากเช่นกัน โดยเฉพาะร้านอาหารป่า และกลุ่มผู้ชื่นชอบนิยมรับประทานหนูนา




ทำให้มีรายได้จากการขายหนูนาเฉลี่ยหลังหักค่ายใช้จ่ายทุกอย่างแล้วอยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 บาทต่อเดือน ถือว่าเป็นรายได้ดีมากสำหรับเศรษฐกิจในช่วงยุคโรคโควิด-19 แพร่ระบาดปัจจุบัน

ด้านนายพินิจนัย แหนบนาค เจ้าของฟาร์มพินิจนัยฟาร์มรองประธานกลุ่ม “ทีมเพชรน้ำดำ” กล่าวว่า ปัจจุบันถึงแม้ตนและเพื่อนๆ จะรวมกลุ่มกันกว่า 20 รายเพราะเลี้ยงหนูนาขาย แต่ปริมาณหนูนาที่เลี้ยงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ หรือแม้แต่หนูเนื้อต้องสั่งจองกันล่วงหน้าเลยทีเดียว รวมทั้งผลิตภัณฑ์หนูนาแปรรูปหนูย่าง หนูอบโอ่ง เป็นต้น


สำหรับกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนา “ทีมเพชรน้ำดำ” จะมีอยู่ที่บ้านกุดหว้า อ.กุฉินารายณ์, บ้านแสนสุข น้ำหนึ่งน้ำซุปฟาร์มหนูนาภูกระแต อ.เขาวง, ปฐมพรฟาร์มหนูพุกใหญ่สมเด็จ อ.สมเด็จ, ฟาร์มหนูพุกใหญ่อภิชญา อ.เมืองกาฬสินธุ์, วินัยฟาร์มบ้านสงยาง อ.กมลาไสย, จ่าอู๋ฟาร์ม บ้านนาจารย์, พินิจนัยฟาร์ม บ้านนาจารย์, ฟาร์มหนูนาปกาวินท์ อ.ร่องคำ, แอลม่อนฟาร์มหนูพุกใหญ่ อ.คำม่วง, ขุมทรัพย์ฟาร์มหนูพุกใหญ่ อ.สหัสขันธ์, ฟาร์มหนูพุกใหญ่ดงอุดม อ.ห้วยผึ้ง

สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเลี้ยงหนูหนาเพื่อเป็นอาชีพ หรืออาชีพเสริม สามารถแวะไปเยี่ยมชมฟาร์มของกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนาทีมเพชรน้ำดำที่ใกล้บ้านท่านได้เลย เพราะทุกฟาร์มของกลุ่มยินดีให้คำปรึกษาฟรีและให้คำแนะนำทุกอย่างสำหรับท่านที่สนใจเลี้ยงหนูนา


กำลังโหลดความคิดเห็น