xs
xsm
sm
md
lg

เปิดวิกฤตท่องเที่ยวปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง หลังไร้เงาโลมาเฉียดให้ชมเช่นในอดีต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฉะเชิงเทรา - เปิดวิกฤตท่องเที่ยวปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง หลังไร้เงาโลมาให้ชมเหมือนในอดีตจากความเปลี่ยนไปของสภาพลำน้ำตามการเกิดขึ้นของโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ทำผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวหากินลำบาก

วันนี้ (22 มี.ค.) นายปรีชา สุวรรณ อายุ 76 ปี ชาวบ้านท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งยึดอาชีพให้บริการเรือนำเที่ยวชมโลมาและธรรมชาติบริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา มานานนับสิบปี ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลกระทบทางการท่องเที่ยวหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางระบบนิเวศจากการเกิดขึ้นของโครงการสถานีสูบน้ำคลองด่าน ที่ใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำจากภาคกลางและภาคเหนือ รวมทั้งกรุงเทพฯ

และการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่ทำให้มีมวลน้ำจำนวนมากถูกระบายสู่ปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง พร้อมพัดพาทั้งมลพิษที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนขนาดใหญ่ลงสู่แม่น้ำ

จนทำให้โลมาหัวบาตร และโลมาปากขวดสีดำและสีชมพู ที่เคยมีประมาณ 50-100 ตัวเริ่มสูญหายไปไกลจากปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

“ปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงในช่วง 10 ปีก่อนถือเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด แต่ในวันนี้ฝูงโลมาต้องพากันถอยร่นออกจากฝั่งไปไกลเรื่อยๆ จนทำให้การพบเห็นโลมาทำได้ยากขึ้น ผลที่ตามมาคือผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวนำเที่ยวต้องใช้เวลาในการนำนักท่องเที่ยวออกชมโลมานาน 3-4 ชั่วโมง จากเดิมที่ใช้เวลาเพียงประมาณ 1-2 ชั่วโมง”


นายปรีชา ยังเผยอีกว่า ในวันนี้ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวจะคิดค่าบริการนำนักท่องเที่ยวออกชมโลมาเที่ยวละ 2,000 บาท จากเดิมที่จะคิดเพียง 1,000-1,500 บาทต่อเที่ยว ทั้งนี้ เป็นเพราะการใช้ระยะเวลาที่นานขึ้นทำให้ต้นทุนดำเนินการสูงตาม โดยการให้บริการแต่ละเที่ยวจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 25-30 คน

“แต่เมื่อการพบเห็นโลมาทำได้ยากขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเที่ยวชมบริเวณดังกล่าวก็ลดน้อยตามไปด้วย โดยเฉพาะในวันธรรมดาซึ่งแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการ จะมีเพียงการเช่าเรือออกไปลอยอังคารเท่านั้น” นายปรีชา กล่าว












กำลังโหลดความคิดเห็น