เชียงราย/ท่าขี้เหล็ก - ทหารกองกำลังผาเมืองพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เริ่มซ้อมรับชาวเมียนมาอพยพหนีภัยการเมืองข้ามชายแดนเชียงราย ขณะที่คนท่าขี้เหล็กประท้วงกองทัพรัฐประหารยังโดนตามจับต่อเนื่อง
วันนี้ (19 มี.ค.) กองกำลังผาเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเชียงราย ได้ซักซ้อมแผนรองรับชาวเมียนมาอพยพเข้ามาในเขตประเทศไทยด้าน อ.แม่สาย หลังมีชาวเมียนมาในท่าขี้เหล็ก หัวเมืองชายแดนตรงข้ามแม่สาย ออกมาประท้วงต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่สำหรับใช้เป็นศูนย์อพยพในพื้นที่ชายแดนแม่สาย 4 แห่ง คือ วัดเกาะทราย ชุมชนเกาะทราย วัดปิยะพร หมู่บ้านปิยะพร ต.แมสาย โรงเรียนเทศบาล 1 ต.แม่สาย และที่วัดถ้ำผาจม ต.เวียงพางคำ
เจ้าหน้าที่ได้จำลองเหตุการณ์หากเกิดกรณีมีผู้อพยพหนีภัยการเมืองข้ามมายังฝั่งไทย จะมีการรวบรวมผู้อพยพและลำเลียงไปยังจุดคัดกรองป้องกันไวรัสโควิด-19 เป็นลำดับแรกก่อนบันทึกข้อมูลบุคคลเพื่อเป็นหลักฐาน จากนั้นจึงส่งเข้าศูนย์อพยพ
ทั้งนี้จะมีการจำแนกกลุ่มผู้อพยพเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ นักการเมือง ชาวต่างชาติ ชาวเมียนมาทั่วไป และคนไทยที่ตกค้างอยู่ในฝั่งเมียนมา เพื่อพิจารณาดำเนินการกับกลุ่มคนต่างๆ ตามขั้นตอน เช่น กรณีกลุ่มนักการเมืองที่ประสงค์จะลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3 ก็จะมีการติดต่อประสานงานให้ตามขั้นตอน กรณีชาวเมียนมาทั่วไปก็จะรอดูสถานการณ์เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
วันเดียวกัน พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกับส่วนราชการ/หน่วยงาน กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน อ.แม่ฟ้าหลวง จัดการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ และการฝึกเฉพาะหน้าที่ ตามแผนการฝึกอพยพพลเรือน ปี 2564 ในพื้นที่ปางหนุน ต.เทอดไทย อ.แมฟ้าหลวง จ.เชียงราย
ด้านสถานการณ์ในฝั่งท่าขี้เหล็ก พบว่ายังคงมีชาวเมียนมาออกมาแสดงทางสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการชุมนุมใหญ่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปราบปรามจนไม่สามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ได้อีก แต่ก็มีการรวมกลุ่มย่อยและออกแสดงพลังตามจุดต่างๆ ครั้งละ 10-20 คนก่อนสลายตัวไปอยางรวดเร็ว
โดยคนที่ออกมาทำกิจกรรมประท้วง ส่วนใหญ่จะเป็นเยาวชนนักเรียนนักศึกษา ขณะที่บรรดานักข่าวท้องถิ่นที่เคยนำเสนอข่าวสารได้ถูกติดตามจับกุมจนส่วนใหญ่ได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่าบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่เมียนมายังคงออกติดตามจับกุมแกนนำผู้ที่เคยออกมาชุมนุมประท้วงเพิ่มเติมอีก 4-6 คน ทั้งหมดถูกนำตัวขึ้นรถยนต์หายไปจากตัวเมืองและไม่มีผู้ใดพบเห็นว่าเจ้าหน้าที่นำไปไหน