ศรีสะเกษ - กลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสานวอนรัฐบาลคลายล็อกผ่อนปรนการจัดประเพณีบุญบั้งไฟเพื่อขอฝน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวระดับรากหญ้า
วันนี้ (16 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำการกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสาน ถ.ทองมาก ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายพนม พรมประเสริฐ ประธานกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสาน เปิดเผยว่า ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่สำคัญของภาคอีสานและของประเทศไทย ที่เกิดขึ้นจากความเชื่อของชาวบ้านทางภาคอีสานที่เชื่อว่าการจุดบั้งไฟเป็นการขอฝนจากพญาแถนให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล บุญบั้งไฟนิยมทำกันในเดือนหก ถือเป็นประเพณีสำคัญที่ขาดไม่ได้ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน
ชาวอีสานมีความเชื่อว่าถ้าปีใดไม่จัดงานบุญบั้งไฟฟ้าฝนจะไม่ตกต้องตามฤดูกาลเกิดความแห้งแล้งไม่มีน้ำทำนา แต่ถ้าปีใดจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟฟ้าฝนก็จะตกต้องตามฤดูกาล เกิดความอุดมสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัย งานบุญบั้งไฟจึงถือเป็นงานประเพณีประจำปีที่สำคัญจนเป็นมรดกและวัฒนธรรมของชาวอีสานจนถึงปัจจุบันนี้
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2563 เกิดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รัฐบาลได้มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามมีการจัดงานประเพณีต่างๆ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานไม่สามารถดำเนินการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟได้ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าสาเหตุที่ฟ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และเกิดฝนแล้งทำการเกษตรไม่ได้ผลก็เนื่องมาจากไม่ได้จุดบั้งไฟถวายพญาแถนขอฝน ซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรมที่เคยปฏิบัติมา
นายพนมกล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟของภาคอีสานให้คงอยู่สืบไป ดังนั้น เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา ตน พร้อมด้วย นายวิริยะ อินพานิช ที่ปรึกษากลุ่ม และสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสานทุกจังหวัด ได้เดินทางไปที่กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพฯ และที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อไปยื่นหนังสือขอให้รัฐบาลคลายล็อกผ่อนปรนการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟเพื่อขอฝน
โดยที่กระทรวงวัฒนธรรมได้เข้าพบกับ นายพิกิฏ ศรีชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และมี นายสตวัน ฮ่มซ้าย ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบปัญหาและความต้องการของกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสาน ซึ่งเลขานุการ รมว.วัฒนธรรมได้รับทราบแล้ว และแจ้งว่าเรื่องการจัดประเพณีบุญบั้งไฟนี้ยังติดล็อกอยู่ที่ ศคบ. กระทรวงวัฒนธรรมไม่สามารถอนุมัติได้ ซึ่งจะได้เสนอเรื่องนี้ให้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ทราบ เพื่อจะได้เสนอเรื่องขอปลดล็อกเรื่องนี้ไปยัง ศคบ.เพื่อพิจารณาอย่างเร่งด่วนต่อไป
นายพนมกล่าวอีกว่า ในปัจจุบันปัญหาโรคไวรัสโคโรนา-2019 (โควิด-19) ได้คลี่คลายลงระดับหนึ่ง ประกอบกับวิธีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟมีการจัดงานกลางแจ้ง สภาพอากาศที่ร้อนมีอากาศถ่ายเท มีการเว้นระยะห่างอยู่ในตัวอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเที่ยวชมประเพณีบุญบั้งไฟจะเป็นประชาชนในเขตพื้นที่ภาคอีสาน ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และทางหมู่บ้าน ชุมชนที่จะจัดงานบุญบั้งไฟยังมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ, รพ.สต., อสม. เป็นผู้คัดกรองการเข้างานอย่างเข้มงวด
การจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟยังถือว่าเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของคนในท้องถิ่น เกิดความสมัครสมานสามัคคีของคนในหมู่บ้าน ชุมชน และสืบทอดแก่เยาวชนคนรุ่นหลังต่อไป มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าและชุมชน ก่อให้เกิดการจ้างงานในกระบวนการผลิตบั้งไฟ เช่น งานตัดไม้เผาถ่าน งานตัดไม้ทำหางบั้งไฟ งานผสมดินปืน งานจ้างไปจุดบั้งไฟ เป็นต้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าในวงกว้าง เช่น เกิดการค้าขายของคนในชุมชน เช่น ร้านค้าอาหารต่างๆ ไก่ย่าง ส้มตำ อาหารตามสั่ง เกิดการซื้อขายสินค้าทางการเกษตรที่มีในพื้นที่ที่ปลูกเองและมีตามธรรมชาติ
ดังนั้น ประชาชนในเขตพื้นที่ภาคอีสาน พวกตนจึงขอวอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รวมถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ขอได้โปรดพิจารณาคลายล็อกผ่อนปรนการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟในเดือนหก ปี พ.ศ. 2564 ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.-24 ก.ค. 2564 ที่จะถึงนี้ด้วย