กาญจนบุรี - กรมอุทยานฯ เตือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเซ็นรับรองการครอบครองที่ดินให้ผู้อื่นในเขตผืนป่าอนุรักษ์ ตามมติ ครม. 30 มิ.ย.41 ทั้งที่เป็นแปลงเดียวกันแต่ถอนการรับรองไปแล้ว โดย 1 ใน 3 เป็นพี่สาวนักร้องนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังเมืองไทย แต่เมื่อรู้ว่าผิดยอมถอยแล้ว
วันนี้ (12 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีนโยบายสั่งการให้กรมอุทยานฯ ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มนายทุน และบุคคลที่บุกรุก ยึดถือครอบครองหรือซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินในเขตป่าอนุรักษ์ ตามมติ ครม.30 มิ.ย.41 ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้ยึดคืนเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ถูกบุกรุกให้กลับมาเป็นผืนป่าตามเดิมเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ
โดยเมื่อปี พ.ศ.2562 อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ได้ประกาศให้ราษฎรในพื้นที่ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ ที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่อาศัยทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตามมติ ครม.30 มิ.ย.2541 และตามคำสั่งคณะ คสช.ที่ 66/2557 ลงวันที่ 17 มิ.ย.2557 เรื่อง เพิ่มเติมหน่วยงานสำหรับการปราบปราม หยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และนโยบายการปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวในสภาวการณ์ปัจจุบันการดำเนินการใดๆ
แต่การปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกินซึ่งได้อาศัยอยู่ในพื้นที่เดิมนั้นๆ ก่อนคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ ยกเว้นผู้ที่บุกรุกใหม่จะต้องดำเนินการสอบสวน และพิสูจน์ทราบ เพื่อกำหนดวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ซึ่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณได้มีหลักกฎหมายและระเบียบเอาไว้ว่า ต้องเป็นราษฎรเดิมอยู่อาศัย หรือทำกินอย่างต่อเนื่องในที่ดินอุทยานแห่งชาติเอราวัณ มาตลอดจนถึงปัจจุบัน และห้ามมิให้มีการซื้อขาย เปลี่ยนมือ โอนสิทธิให้แก่บุคคลภายนอก เว้นแต่ตกทอดทางมรดก ให้ไปแจ้งสิทธิการครอบครองที่ดิน ตั้งแต่วันที่ 8-28 ก.ค.2562 ที่ผ่านมา
ต่อมา พบว่า น.ส.จุฑาภร (ขอสงวนนามสกุล) ได้มาแจ้งสิทธิการครอบครองในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ เนื้อที่ จำนวน 16-3-93 ไร่ และนายสมยศ (ขอสงวนนามสกุล) ได้มาแจ้งการครอบครองที่ดิน จำนวน 11-1-0 ไร่ โดยทั้งสองแจ้งว่า ได้อยู่อาศัยทำกินในแปลงที่ดินที่อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณแปลงดังกล่าวมานาน 23-24 ปี แล้ว โดยมีผู้ใหญ่บ้านบ้านบนเขาแก่งเรียง หมู่ 3 ต.ท่ากระดาน เป็นผู้เซ็นรับรองสิทธิการครอบครองให้แก่บุคคลทั้งสอง
แต่ต่อมามีนางแคธรีน นันทิทรรภ อายุ 74 ปี ชาวแขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ และเป็นพี่สาวของนักร้องและนักแสดงชื่อดังของเมืองไทย ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ตัวแทนมาแจ้งการครอบครองที่ดิน เนื้อที่ จำนวน 32-7-0 ไร่ จากการตรวจสอบปรากฏว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่ น.ส.จุฑาภร และนายสมยศ มาแจ้งการครอบครองเอาไว้
โดยผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากนางแคธรีน นั้นได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่า ได้รับการโอนที่ดินมาจากนายสมัย สุนทราลัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 แต่ต่อมาถูก น.ส.จุฑาภร และนายสมยศ เข้ามาบุกรุกแย่งการครอบครองที่ดินเมื่อหลายปีที่ผ่านมา และได้ทวงถามขอให้ทั้งสองคืนที่ดินมาตลอด แต่ก็ไมยอม ซึ่งผู้รับรองที่ดินว่าที่ดินแปลงดังกล่าวมีนางแคธรีน เป็นผู้ครอบครองสิทธิก็คือ ผู้ใหญ่บ้านบ้านบนเขาแก่งเรียง หมู่ 3 คือ นายสำราญ สุนทราลัย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านคนเดียวกันกับที่รับรองให้ น.ส.จุฑาภร และนายสมยศ
จากกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจสอบเห็นว่ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากที่ดินแปลงเดียวกันมีผู้แจ้งสิทธิการครอบครองถึง 3 ราย และที่สำคัญผู้รับรองให้บุคลทั้ง 3 ราย ก็เป็นผู้ใหญ่บ้านคนเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบข้อมูลการแจ้งสำรวจที่ดินตามมติ ครม. 30 มิ.ย.2541 โดยตรวจสอบย้อนหลังกลับไปในปี พ.ศ.2551-2552 เนื่องจากเคยสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลในบริเวณดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ผลการตรวจสอบปรากฏพบว่า ที่ดินเป็นแปลง CN หมายเลขแปลงที่ดิน 130/1 ชื่อผู้ครอบครองที่ดินเป็น "โบสถ์คริสต์" เนื้อที่ 42-96-0 ไร่ ที่สำคัญเป็นพื้นที่ส่วนรวมของหมู่บ้านอีกด้วย
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาและมีความเห็นพร้อมกันว่า บุคคลทั้งสาม ทั้ง น.ส.จุฑาภร รวมทั้งนายสมยศ และนางแคธรีน นั้นไม่ใช่ผู้ครอบครองที่ดินมาตั้งแต่ดั้งเดิมที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่อาศัยทำกินได้ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตามมติ ครม.30 มิ.ย.41 และตามคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 เพราะผู้ครอบครองมาตั้งแต่ดั้งเดิมคือ โบสถ์คริสต์ และเป็นพื้นที่ส่วนรวมของชาวบ้าน
ต่อมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้รับหนังสือจากนายสำราญ ผู้ใหญ่บ้านบ้านบนเขาแก่งเรียน หมู่ 3 ฉบับลงวันที่ 10 ก.พ.2563 หนังสือระบุว่า ขอแจ้งยกเลิกรับรองสิทธิการครองครองที่ดินให้แก่ น.ส.จุฑาภร รวมทั้งนายสมยศ และนางแคธรีน
ต่อมา วันที่ 29 เม.ย.2563 นางแคธรีน ได้มอบอํานาจให้นายสืบพงษ์ มาทำบันทึกข้อตกลงเพื่อขอยกเลิกการแจ้งการครอบครองที่ดิน พร้อมกับแสดงเจตนารมณ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าจะขอสละสิทธิ และจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไป แต่ในส่วนของ น.ส.จุฑาภร และนายสมยศ ที่แจ้งสิทธิการครอบครองยังไม่ยินยอมที่จะมาแจ้งขอยกเลิกการการครอบครอง และสละสิทธิในที่ดินแต่อย่างใด
ดังนั้น นายพีรวัฒิ สิโรตม์พิพัฒ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ พร้อมด้วยนายสำราญ สุนทราลัย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จำนวน 10 นาย จึงได้ทำหนังสือลงวันที่ 10 มี.ค.2564 แจ้งเตือนให้ น.ส.จุฑาภร นายสมยศ มายกเลิกการแจ้งการครอบครอง และสละสิทธิการยึดถือครอบครองที่ดินภายใน 15 วัน หากเลยกำหนดแล้วยังไม่ดำเนินการจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า จากกรณีข้างต้น ตนขอฝากเตือนไปถึงกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านที่มีอำนาจในการรับรองสิทธิการครอบครองที่ดินของราษฎรได้ ตามมติ ครม.30 มิ.ย.2541 และตามคำสั่ง คสช.ที่ 66/57 ว่าถ้าท่านไปรับรองสิทธิให้แก่ราษฎร หรือกลุ่มบุคคลที่ครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ รวมทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
ทั้งรับรองตามกฎหมายอุทยานฯ ฉบับเก่า และกฎหมายอุทยานแห่งชาติฯ ฉบับใหม่ ปี พ.ศ.2562 หากตรวจในภายหลังพบว่า กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านคนนั้นๆ ตั้งใจรับรองทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าเป็นเท็จ ท่านอาจจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ฐานรับรองหลักฐานอันเป็นเท็จ จะต้องถูกระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัยอีกด้วย