“คารม” แตกหักก้าวไกล แต่ไม่ยอมลาออกจากพรรค ทำตาม รธน.ให้สิทธิ ไม่แคร์หากถูกขับ ไม่ละอ่อนทางการเมือง อ้างคนในพื้นที่ไม่ด่า เผยลงพื้นที่ไม่ใส่ชื่อพรรคมาเป็นปี ย้อนไม่ชัดเจนพัฒนาอีสาน สอนอย่านำตำรามาทำการเมือง ปัดใจอยู่ ภท.
วันนี้ (22 ก.พ.) นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีโหวตไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นการโหวตสวนมติพรรคก้าวไกลว่า จากการติดตามข่าวทราบว่าพรรคมีมติไม่ขับตนออกจากพรรค แต่จะมีนโยบายลงโทษทางวินัยโดยการไม่ให้ร่วมกิจการของพรรค หรือแม้แต่การประชุมของพรรคซึ่งอยากบอกว่าที่ผ่านมาไม่ได้ร่วมกิจการของพรรคมา 1 ปีแล้ว ส่วนการประชุมตนก็เข้าน้อยมาก และที่ผ่านมาพรรคก็ไม่เคยมอบหมายงานให้ทำ ส่วนการร่วมงานกับเพื่อนภายในพรรคก้าวไกลยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร และขณะนี้ก็เป็นกรรมาธิการคมนาคมเพียงคณะเดียว ถ้าพรรคไม่ให้ทำงานก็คือในนามพรรค แต่ถ้านามส่วนตัว ส.ส.ห้ามไม่ได้ เพราะถ้าห้ามจะขัดรัฐธรรมนูญ กฎหมายรับรองสิทธิไม่ต้องอยู่ภายใต้อาณัติใคร
นายคารมกล่าวอีกว่า กรณีที่ไม่ยอมเซ็นในการแก้ไขมาตรา 112 นั้น ในโลกออนไลน์โดนทัวร์ลง แต่เวลากลับบ้านที่จังหวัดร้อยเอ็ด ไม่มีใครด่า เพราะประชาชนเข้าใจ แต่ถ้าจะขับออกจากพรรคก็แล้วแต่เขาจะทำ
เมื่อถามว่า มี ส.ส.ในพรรคบอกให้ลาออกไป นายคารมชี้แจงว่า ตนไม่ขอลาออกเพราะจะทำให้ขาดโอกาสในการทำงานในพื้นที่ ขอเรียนว่าไม่เคยขัดมติของพรรค อย่างเช่นเรื่อง พ.ร.บ.โอนกําลังพล ตนก็ทำตามมติของพรรค จะแก้ไขกฎหมายสำคัญๆ ก็ทำได้ แต่ต้องพัฒนาพื้นที่ไปด้วย เรียนตั้งแต่ต้นกับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แล้วว่าที่เข้ามาอยู่ก้าวไกลเพราะต้องการพัฒนาอีสาน แต่ที่ผ่านมานโยบายหลักของพรรคในการพัฒนาพื้นที่อีสานไม่มีอะไรที่ชัดเจน และตนก็ไม่ได้รับมอบหมายให้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย วันนี้ถือว่าจบแล้ว ตนไม่ได้ทุจริตแต่แค่เห็นต่าง
เมื่อถามอีกว่าจะเรียกร้องให้พรรคขับออกจากพรรคหรือไม่ นายคารมกล่าวว่า ไม่ เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการตั้งใจให้เขาขับ ตนไม่ได้ละอ่อนทางการเมืองเช่นนั้น และไม่เคยพูดเหมือนที่เลขาฯ พรรคพูด เตะหมูเข้าปากอะไรสักอย่าง แต่ขอบอกว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องวิชาการ แต่คือการประสานผลประโยชน์ของกลุ่มในประเทศ อย่านำตำรามาทำการเมือง พรรคที่อยู่นานๆ ก็ไม่ได้นำตำรามาเล่นการเมือง ดังนั้น อยู่ที่ดุลพินิจของพรรคว่าจะขับออกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนลงพื้นที่ก็ไม่ได้ใส่ชื่อพรรคก้าวไกลมาเป็นปีแล้ว
ถามต่อว่าวันนี้ตัวอยู่พรรคก้าวไกล แต่ใจไปอยู่พรรคภูมิใจไทยแล้วใช่หรือไม่ นายคารมกล่าวว่า ไม่ใช่แบบนั้น แต่ใจอยู่พรรคใดก็ได้ที่ให้โอกาสทำงานพื้นที่