สุรินทร์ - เมียหลวงสุดช้ำใจ ร้อง “ทนายคำสิงห์” ขวัญใจคนยากช่วย เผยผัวตำรวจ “ร.ต.อ.” หนีไปอยู่กินกับน้องสะใภ้จนมีลูก 1 คนและไม่เคยเหลียวแล แถมทิ้งภาระหนี้สินที่กู้สหกรณ์และ ธ.ก.ส.ให้รับผิดชอบอีกกว่าครึ่งล้าน เผยใจแม่น้ำเรียกร้องให้มาชดใช้เงินหนี้สินตามสัญญาที่เคยตกลงไว้แล้วจะไม่ฟ้องร้องและจะหย่าให้
วันนี้ ( 9 มี.ค.) ที่สำนักงานทนายความ คำสิงห์ ชอบมี บ้านตาบัล ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ ทนายความที่เคยช่วยทำคดีสาวสุรินทร์ติดคุกฟรี 21 เดือนในคดียาบ้า 41 เม็ด กระทั่งสุดท้ายศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องเป็นผู้บริสุทธิ์ ได้รับอิสรภาพคืนกลับมา พบว่าวันนี้ได้มี นางเอ (นามสมมติ) อายุ 57 ปี ชาว อ.สนม จ.สุรินทร์ ได้เข้ามาปรึกษาขอความช่วยเหลือด้านกฎหมาย หลังสามี ซึ่งได้จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย เป็นข้าราชการตำรวจยศ ร.ต.อ.นายหนึ่ง สังกัด สภ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ทอดทิ้งไปอยู่กินกับเมียใหม่ อายุ 44 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของนางเอ และไม่เคยมาเหลียวแล แถมทิ้งภาระหนี้สินเงินกู้ ธ.ก.ส.และกู้เงินอีกหลายแห่งเพื่อส่งสามีเรียนต่อขณะมียศเป็นตำรวจชั้นประทวนอีกจำนวนหลายแสนบาทไว้ให้รับผิดชอบชดใช้เพียงคนเดียว
นางเอเล่าด้วยความชอกช้ำใจว่า ตนอยู่กินกับสามีมาตั้งแต่ปี 2540 ไม่มีลูกด้วยกัน ได้จดทะเบียนสมรสเมื่อปี 2543 สามีสอบติดตำรวจที่โรงเรียนตำรวจภูธรภาค 3 จ.นครราชสีมา ซึ่งตนได้ส่งเสียให้ได้เรียนตลอดจนจบนายสิบตำรวจ โดยได้กู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์สนม, สหกรณ์การเกษตรออมทรัพย์สนม อ.สนม จ.สุรินทร์ จำนำยุ้งฉางข้าวเปลือกกับ ธ.ก.ส. ต่อมาสามีได้สอบเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์จนจบ แล้วก็สอบเข้าโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจ และเมื่อจบออกมาได้รับการบรรจุเป็นร้อยตำรวจตรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2554 ในระหว่างนั้นตนได้กู้หนี้ยืมสินจากที่ต่างๆ เพื่อส่งเสียให้สามีได้ร่ำเรียนจนจบการศึกษาและบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรดังกล่าว
ต่อมาสามีได้มีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นไกลเป็นเมียของน้องชายตนเอง หรือเป็นน้องสะใภ้ของตนเอง แล้วเขาก็อยู่กินกันมาจนผู้หญิงคนใหม่มีบุตรสาว 1 คน สามีจึงได้ย้ายออกจากบ้านตน แล้วก็ไปอยู่กินกันฉันสามีภรรยากับผู้หญิงคนใหม่
โดยตนกับสามีได้มีการจดทะเบียนสมรสกันถูกต้อง แต่กับผู้หญิงคนใหม่ไม่มีการจดทะเบียนสมรสแต่อย่างใด มีแค่การรับรองบุตรผู้หญิงที่เกิดขึ้นมาใหม่เท่านั้น ปี 2562 ตนเคยฟ้องร้องน้องสะใภ้ ผู้ที่สามีไปอยู่กินด้วยต่อศาล เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้ชดใช้เป็นเงิน 1 แสนบาทตั้งแต่ปี 2561 แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว เนื่องจากผู้ถูกฟ้องไม่มีทรัพย์สินใดๆ ตนได้เข้าร้องเรียนทำสัญญา จ่ายเงินต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสามี ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ โดยมี พ.ต.อ.เอกชัย ปรัชญาวุฒิรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้เซ็นรับรองว่าได้มีการทำสัญญาต่อกันจริง โดยทางสามีจะยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ตนเป็นจำนวนเงิน 405,000 บาท และจะชดใช้ เงินในส่วนที่เหลือจำนวน 115,000 บาท ตั้งแต่มกราคม 2562 เป็นต้นมา ยอดหนี้รวมทั้งสิ้น 520,000 บาท
แต่หลังจากการทำสัญญา สามีที่เป็นตำรวจไม่เคยชดใช้เงินให้ตนแม้แต่บาทเดียว แถมยังบอกกับตนอีกว่าถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอา ทำให้ต้องมาพึ่งทนายความเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยค่าเสียหายจากสามี หากไม่มาจัดการให้เรียบร้อยตนจะทำตามกฎหมายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ค่าเลี้ยงดู และฟ้องอาญาด้วย หากยอมความกันได้ตนก็จะยกเลิกการดำเนินการดังกล่าว แต่ทั้งนี้สามีจะต้องชดใช้เงินให้ตนให้เรียบร้อยตนจึงจะยุติและพร้อมที่จะไปหย่าให้
ด้าน นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้ทางฝ่ายผู้เป็นภรรยาเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก เพียงแต่อยากให้ทางฝ่ายสามีที่เป็นตำรวจมาชดใช้เงินที่เป็นหนี้สินที่ค้างอยู่ตามสัญญาที่เคยทำข้อตกลงกันไว้ เขาก็เห็นใจเพราะทางผู้หญิงฝั่งนั้นมีลูกด้วยกัน 1 คน หากฟ้องไปแล้วถึงขั้นต้องออกจากราชการทางโน้นก็ลำบากเหมือนกัน
“ผมให้เวลาผู้ที่ถูกกล่าวหาอีกสัก 10 กว่าวันเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เคลียร์ปัญหาต่อกัน หากตกลงกันได้ก็ถือว่ายุติ เพราะทางผู้ที่มาร้องขอความช่วยเหลือเขาต้องการให้สามีมารับผิดชอบเรื่องหนี้สินเพราะเป็นเงินจำนวนมากเขาแบกรับไม่ไหว หากสองฝ่ายมาเจรจากัน สามารถตกลงกันได้ ผู้ร้องก็พร้อมจะยุติปัญหาที่เกิดขึ้น” นายคำสิงห์กล่าวในตอนท้าย