“อัจฉริยะ” แจ้งความตำรวจ สน.พหลโยธิน เอาผิด รพ.เอกชน เรียกเก็บค่าอาหารพริตตี้วาวา 400 บาท เข้าข่ายฉ้อโกง เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
วันนี้ (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.15 น. ที่ สน.พหลโยธิน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมกับเพื่อนสาวคนสนิทของ น.ส.วิชญาพร วิเศษสมบัติ หรือ วาวา พริตตี้สาวที่เสียชีวิต หลังไปรับงานเอนเตอร์เทนปาร์ตี้ในบ้านหรูแห่งหนึ่งย่านเสนานิคม เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.พิสิษฐ์ ฤทธิ์ขจร รอง สว.(สอบสวน) สน.พหลโยธิน เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านเกษตร ที่รับรักษาตัว น.ส.วิชญาพร หรือ วาวา ข้อหาฉ้อโกง กรณีมีการเรียกเก็บค่าอาหารคนไข้
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำหลักฐานที่เป็นบิลค่ารักษาพยาบาลของ น้องวาวา เพื่อแจ้งตำรวจให้เอาผิดกับโรงพยาบาลเอกชน ในข้อหา “ฉ้อโกง” เนื่องจากพบว่า มีการเรียกเก็บค่าอาหารจำนวน 400 บาท โดยที่ผู้ป่วยไม่ได้รับบริการแต่อย่างใด ซึ่งเข้าข่ายการฉ้อโกง
โดยภายในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินหน้าฟ้องศาลเพื่อเอาผิดเพิ่มเติมกับโรงพยาบาล ในข้อหาละเมิดสิทธิผู้ป่วยจนทำให้ถึงแก่ความตาย หลังจากก่อนหน้านี้ เคยร้องกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพไว้แล้ว โดยยืนยันว่า หลังจากที่โรงพยาบาลออกมาแถลงไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้น ซึ่งขัดแย้งกับพยานหลักฐานที่ตนเองมีอยู่ เชื่อว่า จะเอาผิดกับโรงพยาบาลได้
โดยในขณะนี้ทางโรงพยาบาลยังไม่เคยติดต่อญาติเพื่อแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด ส่วนค่าเสียหายตนและญาติได้ปรึกษากันแล้วจะเรียกร้องค่าเสียหายจากโรงพยาบาลเป็นจำนวน 10 ล้านบาท เนื่องจากการประเมินอายุของผู้ตายสามารถหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นระยะเวลา 10 ปี คิดเฉลี่ยแล้วปีละ 1 ล้านบาท
ส่วนคดีขณะนี้ทราบว่า ตำรวจจะสามารถสรุปแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่กระทำความผิดได้ภายในสัปดาห์หน้า เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการสอบปากคำพยานซึ่งยังเหลืออีก 1 ราย
ด้าน พ.ต.อ.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ รอง ผบก.น. 2 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีพริตตี้วาวา ว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไปแล้วจำนวนหลายปาก แต่ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับใครได้ เพราะการสอบปากคำผู้ที่อยู่ร่วมในงานและเห็นเหตุการณ์ยังไม่แล้วเสร็จ ยังคงเหลือผู้ที่จะต้องเข้าให้สอบปากคำอีก โดยจะมีพยานที่อยู่ในให้ปากคำเพิ่มอีกเพียงหนึ่งราย
ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้นหมดทุกคนแล้ว จะนำมาประกอบกับพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ในการชันสูตรพลิกศพของผู้ตาย ก่อนจะนำมาพิจารณาว่าในวันเกิดเหตุใครเป็นผู้นำยาเสพติดเข้ามาภายในงาน และผู้ใดเป็นผู้ให้ยาเสพติดผู้ตายเสพ จึงสามารถที่จะแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไปได้