กาญจนบุรี - รองอธิบดีฯ แจกน้ำแร่โซดาให้ชาวบ้านดื่ม ส่วนลุงเกี๊ย เจ้าของที่ดินยกที่ดินให้ตื่นเต้นไม่หาย หลังได้ช่วยชาวบ้านพ้นจากภัยแล้ง ส่วนบรรยากาศคึกคัก ประชาชนนับพันทยอยมุ่งหน้าชิมน้ำพุบาดาลโซดา ขณะที่มีกระแสนายทุนกว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว
วันนี้ (24 ก.พ.) นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มอบหมายให้นายกุศล โชติรัตน์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการดำเนินงานโครงการศึกษา สำรวจ และรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาล จากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึก ในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน หรือบ่อน้ำพุบาดาลโซดา บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี
โดยมีนายเกรียงศักดิ์ ภิระไร ผู้อำนวยการ สำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผอ.สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมากให้การต้อนรับ
เมื่อมาถึง นายกุศล โชติรัตน์ ได้ไปสำรวจบ่อน้ำพุบาดาลโซด บ่อที่ 2 ที่มีความลึก 224 เมตร พร้อมกับทดลองทดลองดื่มน้ำพุโซดา จากนั้นมาสำรวจบ่อพุน้ำบาดาลโซดาบ่อที่ 3 ที่มีความลึก 303 เมตร โดยบ่อดังกล่าวปริมาณน้ำพุพุ่งขึ้นไปบนอากาศสูงกว่า 10 เมตร
จากนั้นนายกุศล โชติรัตน์ ได้ทำการเปิดการทดสอบระบบผลิตน้ำแร่ และเยี่ยมชมระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำแร่ แล้วไปพบปะประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินการโครงการ พร้อมกับมอบน้ำแร่ให้แก่ประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่เดินมา โดยการแจกจ่ายในครั้งได้กำหนดแจกให้ประชาชนได้คนละ 500 ซีซี รวมประมาณ 2,000 ขวด แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการแจกจ่าย
เนื่องจากไม่สามารถผลิตขวดบรรจุน้ำแร่ได้ทัน โดยอีกประมาณ 2 อาทิตย์ข้างหน้าจะสามารถผลิตน้ำแร่แจกจ่ายให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้อีกประมาณ 100,000 ขวด สำหรับที่ตั้งของบ่อพุบาดาลโซดา ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านสระตาโล หมู่ 12 ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย แล้วทั้งหมดจำนวน 3 บ่อ
ขณะนี้หน่วยเจาะบาดาลกำลังเร่งดำเนินการเจาะบ่อบาลเพิ่มอีก จำนวน 3 บ่อ โดยทั้ง 3 บ่อที่กำลังเร่งดำเนินการนั้นตั้งอยู่พื้นที่บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา ส่วนน้ำที่พบจะมีรสชาติซ่าเหมือนโซดาหรือไม่นั้นต้องรอติดตามต่อไป
ทั้งนี้ นายกุศล โชติรัตน์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า จากที่ได้ทดลองดื่มน้ำดิบที่บ่อพุโซดาพบว่ายังมีกลิ่นสนิมเหล็กติดอยู่ แต่เมื่อมาทดลองน้ำแร่โซดาที่ผ่านระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำที่ทางนักวิทยาศาสตร์ของเราใช้วิธีผสมกันให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมพบว่า มีน้ำแร่ที่ไม่สุดโต่งจนเกินไปซึ่งเหมาะกับประเทศไทย ซึ่งหากเป็นที่ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศส เขาจะใช้น้ำแร่โซดาดิบที่บ่อ หากมีแร่ธาตุมากเกินไปเขาก็จะมีข้อแนะนำติดเอาไว้ที่ข้างขวด
ส่วนกรณีหากมีกลุ่มนายทุนมากว้านซื้อที่ดิน เรื่องนี้เราไม่สามารถไปบังคับเขาได้ แต่ถ้าจะเจาะบาดาลจะต้องไปขออนุญาตที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดกาญจนบุรีก่อน เพราะหากอยู่ดีๆ มาเจาะ มันจะผิดกฎหมายน้ำบาดาล คือ เรื่องที่ดินไม่เกี่ยวกับเรา แต่เรื่องการเจาะบาดาลจะต้องไปขออนุญาตให้ถูกต้องเสียก่อน
สำหรับขั้นตอนสุดท้ายคือ การสร้างหอถังกระจายน้ำนั้นคงจะใช้เวลาไม่นานมากนัก เพราะกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเราได้งบประมาณมาทำในขั้นตอนที่ 1 คือต้องเจาะน้ำบาดาลให้ได้จำนวน 6 บ่อก่อน สำหรับปริมาณน้ำบาดาลที่จะนำไปช่วยเหลือชาวบ้านบ้านทุ่งคูณ อย่างน้อยต้องได้ 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือ 1 ปี หากคิดเป็นปี จะต้องได้กว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
เมื่อเจาะได้ครบ 6 บ่อ และสามารถนำน้ำไปบริการประชาชนได้ครบถ้วน จะเข้าสู่เฟส 2 คือเรื่องของการก่อสร้างระบบถังเก็บน้ำ มีหอถังสูงมีท่อกระจายน้ำ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในเฟสที่ 1 คือการเจาะบาดาลให้ครบ 6 บ่อเสียก่อน สำหรับการเจาะบ่อบาดาลที่กำลังดำเนินการนั้นอยู่ในแนวร่องน้ำเดียว แต่เราไม่สามารถยืนยันได้ว่าน้ำจะพุขึ้นมาและมีรสชาติเหมือนกันหรือไม่
ด้าน นายสุเวทย์ สินสถาพรพงศ์ หรือลุงเกี๊ย อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 3 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้อุทิศที่ดินส่วนตัวให้แก่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวเปิดใจว่า ถึงตรงนี้แล้วลุงรู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก คือที่ดินตรงนี้ได้ยกให้แก่ทางการไปแล้ว ซึ่งครอบครัวไม่ได้ว่าอะไร สำหรับที่ดินที่ยกให้ครั้งแรกที่คุยกับมีเพียงแค่ 3 งาน แต่ปัจจุบันกลายเป็นประมาณ 5 ไร่เข้าไปแล้ว
แต่คาดว่าเมื่อดำเนินการก่อสร้างอะไรเสร็จสมบูรณ์แล้วคงจะไม่ถึง 5 ไร่ ซึ่งทุกคนที่เข้ามาอยู่ตรงนี้มีส่วนร่วมกันทั้งหมด ชาวบ้านทุกคนต่างดีใจ ซึ่งท่านอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ท่านศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อยากให้สำเร็จโดยเร็วแต่ถึงตรงนี้แล้วคิดว่าคงไม่สามารถนำไปทำน้ำประปาได้แล้ว เพราะน้ำที่พบมันมีมูลค่ามากเกินกว่าที่จะนำไปทำน้ำประปา
ขณะนี้ทางสำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 2 (สุพรรณบุรี) กำลังดำเนินการเจาะบาดาลให้ครบ 6 บ่อ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีน้ำหรือไม่ ซึ่งการที่ได้อุทิศที่ดินให้แก่ทางการในครั้งนี้รู้สึกดีใจ เพราะต่อไปชาวบ้านจะได้ไม่ลำบากจากภัยแล้งอีกต่อไป
สำหรับบรรยากาศโดยรอบพบว่ามีประชาชนและนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศได้ทยอยเดินทางมาเที่ยวชมพุบาดาลแร่โซดากันเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัวและมาเป็นหมู่คณะ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 2 (สุพรรณบุรี) ได้ตั้งโต๊ะให้ทุกคนได้ลงทะเบียน รวมทั้งวัดอุณหภูมิในร่างกายและให้ทุกคนล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย
ขณะเดียวกัน หลังจากที่ทุกคนได้ทดลองดื่มน้ำโซดาเข้าไปต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีรสชาติหวานและซ่าคล้ายโซดา