เชียงราย - ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล ไลฟ์สดเปิดใจหลังโหวตหนุนภูมิใจไทยสวนทางพรรค เผยทำงานเดียวดายไม่พอถูกทีมงานจังหวัดฯ ตัดหน้า งบหมดกับค่าประชุม-น้ำมัน มุ่งแต่แก้ ม.112 ขณะที่มวลชนพรรคส้มจัดเต็มหอบพวงหรีด แบกโลง หุ่น โรยเกลือเผาไล่
เย็นวันนี้ (23 ก.พ. 64) นายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ หรือเซียนแว่น ได้นำมวลชนกลุ่มเชียงราย No เผด็จการ รวมตัวกันที่ลานรำวงย้อนยุค สวนตุงและโคมเชียงราย ถนนธนาลัย อ.เมืองเชียงราย ทำกิจกรรมขับไล่ นายแพทย์ เอกภพ เพียรพิเศษ หรือหมอเอก ส.ส.จ.เชียงราย เขต 1 นายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เขต 6 พรรคก้าวไกล ที่โหวตไว้วางใจรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย สวนทางมติพรรค
ก่อนการปราศรัยบนเวทีนายสราวุทธิ์ได้ตุงสามหางสัญลักษณ์ของพิธีศพในภาคเหนือ นำมวลชนที่ถือพวงหรีด ป้ายข้อความด่าว่าโลงศพจำลองที่มีภาพและรายชื่อของ ส.ส.ทั้ง 2 คน งูเห่าพลาสติก ฯลฯ เดินไปวางหน้าสำนักงานประสานของพรรคก้าวไกล เขต 1 เลขที่ 673/19 ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย ที่มีการปิดประตูไว้
จากนั้นนายสราวุทธิ์ได้นำอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้นายแพทย์ เอกภพ และนายพีรเดชลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ของ จ.เชียงราย อ้างว่าเพราะได้ทรยศหักหลังต่อความเชื่อใจและไว้ใจที่ประชาชนมีต่อพรรคก้าวไกล ยกมือไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของพรรคภูมิใจไทย
นายสราวุทธิ์กล่าวว่า หากทั้ง 2 คนยังคงดื้อด้านไม่ยอมลาออกอีกพวกเราอาจจะไม่ได้มากันแค่นี้ เพราะครั้งนี้ถือว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่จะไม่เอา ส.ส.แบบนี้เท่านั้น ดังนั้นการเรียกร้องให้ลาออกจึงถือเป็นการประนีประนอมที่สุดแล้ว
ขณะที่มวลชนบางคนใช้เท้าเหยียบบนโลงศพ ตะโกนด่า บางคนนำอาหารสุนัขไปโปรย เอากล้วยไปวางหน้าสำนักงาน ฯลฯ ก่อนที่นายสราวุทธิ์และพวกจะนำแถลงการณ์ที่ระบุว่าส่งถึงนายแพทย์ เอกภพ และนายพีรเดช รวม 2 แผ่น ไปแปะติดเอาไว้ที่หน้าสำนักงาน แล้วจึงเคลื่อนขบวนกลับไปรวมตัวกันที่ลานรำวงย้อนยุค สวนตุงและโคมเชียงราย เพื่อทำพิธีเผาหุ่นฟางที่มีรูปของ ส.ส.ทั้ง 2 คน นำเกลือลงโปรยเพื่อสาปแช่ง และผลัดกันขึ้นปราศรัยบนเวที
ด้านนายแพทย์ เอกภพ เพียรพิเศษ หรือหมอเอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย เขต 1 พรรคก้าวไกล ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อชี้แจงกรณีที่ร่วมกับ ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคน รวมทั้งนายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย เขต 6 โหวตให้รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งสวนกับมติของพรรคที่ยกมือไม่ไว้วางใจพรรคร่วมรัฐบาลดังกล่าว
หมอเอกระบุว่า ตนเข้าร่วมกับพรรคอนาคตใหม่มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค และเดิมก็ไม่รู้จัก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล แต่รู้ว่าเป็นพรรคการเมืองที่ต่อสู้กับเผด็จการและเปิดโอกาสให้คนธรรมดาเข้าไปทำงานจนได้รับการเลือกตั้ง กระทั่งถึงวันนี้กลับยังมีคำพูดที่เหยียดหยามจึงทำให้ ส.ส.เขต และอดีต ส.ส.หลายคนรู้สึกเสียใจ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่าถ้าไม่ได้บุญคุณของพรรคพวกเราจะมาถึงตรงจุดนี้ไม่ได้ และยิ่งเสียใจที่คำพูดนี้มาจากคนในพรรคด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ตนก็ยอมรับหากลงเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองอื่นคงไม่ได้มีโอกาสมาทำงาน แต่เมื่อมีโอกาสแล้วก็ก้มหน้าทำงานหนัก แต่ก็พบปัญหาการจัดตั้งทีมงานจังหวัดให้ทำงานกับ ส.ส.ในพื้นที่ ซึ่งพบว่าทีมงานจังหวัดทำงานไม่สอดคล้องกับ ส.ส. และงบประมาณที่ได้รับส่วนใหญ่หมดไปกับการประชุม ค่าน้ำมัน ฯลฯ มากกว่าการทำงานของพรรค และมีปัญหาอีกหลายอย่าง เมื่อได้เสนอปัญหานี้ต่อพรรคปรากฏว่าไม่ได้รับความสนใจ แต่กลับให้ท้ายให้มาโจมตีและทำงานตัดหน้า ส.ส.เขต ทำให้รู้สึกอึดอัดใจและอาจเป็นหนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้ ส.ส.เขตหลายคนออกจากพรรคไป
นายแพทย์ เอกภพกล่าวอีกว่า ตลอดเวลาที่ทำงานทั้งเรื่องปัญหาเกี่ยวกับยาสูบ ภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ไฟป่า สาธารณสุข การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ฯลฯ ตนต้องทำงานอย่างเดียวดายตามลำพัง เพราะไม่ใช่ประเด็นหลักที่พรรคให้ความสนใจ แม้แต่เรื่องไวรัสโควิด-19 ฯลฯ
“หลายเรื่องประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ไม่ได้รับการตอบสนองอย่างแข็งขัน แตกต่างจากการยื่นแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ที่พรรคการเมืองอื่นก็ไม่เอาด้วย เท่ากับว่าทำในเชิงสัญลักษณ์จึงไม่สามารถขับเคลื่อนได้สำเร็จ โดยส่วนตัวของผมเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้พูดกันมาก่อนและปฏิเสธที่จะไม่ทำตั้งแต่ต้น เพราะมีการพูดกันถึงแค่การให้ทหารออกจากการเมือง การแก้รัฐธรรมนูญ การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ แต่กรณีเรื่องการปฏิรูปสถาบันไม่ได้เป็นสิ่งที่เราตกลงกันในพรรคมาก่อนว่าจะทำหรือทำถึงขนาดไหน ถ้าจะทำก็ควรมีข้อตกลงก่อนและจะทำอะไร ผลลัพธ์คืออะไร”
ส.ส.เขียงราย เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวด้วยว่า การที่ตนโหวตให้กับพรรคภูมิใจไทยเพราะต้องการแสดงจุดยืนและเรียกสติสังคมให้ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งเรื่องการผลักดันทหารออกจากการเมือง เพราะตนไม่มีวันยกมือให้ผู้ที่เกี่ยวโยงกับทหาร ดังนั้น การเลือกยกมือให้กับพรรคภูมิใจไทยจึงแสดงถึงจุดยืนและหลักการ ตนยืนยันจะทำงานตามอุดมการณ์ คือต้องการให้ทหารออกจากการเมือง ปิดสวิตช์ ส.ว. แก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ต้องการการมีส่วนร่วม ส่วนประเด็นเรื่องงูเห่านั้นทุกคนก็คงได้เห็นการลงมติที่ไม่เป็นเอกภาพของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีในการขจัดอคติเดิมและแสวงหาความร่วมมือใหม่ในสภาฯ ได้
“ยืนยันว่าหนึ่งเสียงของประชาชนไม่ได้หายไปและผมไม่ได้ทำลาย ส่วนกระแสที่ว่าเลือกพรรคไม่ได้เลือกผมก็ขอน้อมรับ แต่เมื่อได้เข้ามาทำงานตามอุดมการณ์ก็จะทำงานให้ทั้งคนที่เลือกและไม่ได้เลือก เช่น ดูเรื่องการระบาดของไวรัส ดูแลเรื่องวัคซีนที่รัฐบาลกำลังจัดหา ฯลฯ จึงขอให้อยู่ร่วมกันอย่างมีสติ หลักการและเหตุผลก่อนใช้อารมณ์และความชิงชัง ผมยังคงเป็นหมอเอกคนเดิม ยังทำงานในพื้นที่เหมือนเดิม ยังติดตามงานที่ต้องการขับเคลื่อนเหมือนเดิม และยังคงยึดมั่นในจุดยืนและเป้าหมาย แต่ก็ต้องขอโทษที่ทำให้ประชาชนชาวเชียงรายเข้าใจผิด ก็ได้แต่หวังว่าจะเข้าใจจุดยืนทางการเมืองและการแสดงออกของผมด้วย แต่หากยังโกรธก็ขอให้ใช้เวลาที่เหลือติดตามการทำงาน โดยให้เวลาได้เป็นเครื่องพิสูจน์”