กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.ท่าม่วง ร่วมกับสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ นำโดรนบินตรวจจับอุณหภูมิและความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต กดดันพลทหารมือยิงสาวเสริมสวยขณะอุ้มลูกน้อยเจ็บ ล่าสุด มอบตัวเช้าตรู่ สารภาพแค่ยิงขู่ ก่อนนำตัวขึ้นศาลทหาร
จากกรณีที่พลทหารอมรเทพ ลิ้มเจริญ หรือเปา ทหารเกณฑ์ในค่ายทหารแห่งหนึ่งที่จังหวัดกาญจนบุรี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่ร้านเสริมสวย เลขที่ 944/22 หมู่ 3 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี หลังมีปากเสียงกับ น.ส.พรรณทนา แหวนครุฑ อายุ 27 ปี อดีตแฟนสาวที่พยายามตามง้อขอคืนดีแต่ไม่สำเร็จ แต่กระสุนเข้ากลางหลัง น.ส.ชนิภรณ์ พรมมิ อายุ 23 ปี น้องสะใภ้ ขณะอุ้มลูกสาว 2 เดือน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.10 น. ของวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น
โดยศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 1 ได้ออกมาชี้แจง พร้อมแสดงความรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ให้การช่วยเหลือให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากเหตุการณ์กล่าว ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ให้ความสนใจต่อคดีดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดย พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สุชาย เทศัชบุตร ผกก.สภ.ท่าม่วง พ.ต.ท.สุทธิเกียรติ โพธิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.สภ.ท่าม่วง พ.ต.ต.อัครภณ ลี้เกษร สว.สส.สภ.ท่าม่วง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวน สภ.ท่าม่วง ออกติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเวลา 21.00 น.ของวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ข้างต้นได้ประชุมวางแผนเพื่อกดดันให้ผู้ต้องหาออกมามอบตัว โดยครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากนายอัศวิน โรมประเสริฐ นายกสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ นำโดรนที่สามารถตรวจจับอุณหภูมิและความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต มาบินในช่วงเวลากลางคืน เหนือท้องฟ้า 100-150 เมตร ซึ่งจุดบินอยู่ห่างจากบ้านแม่ของผู้ต้องหา ที่อยู่ในพื้นที่ หมู่ 9 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี ประมาณ 500 เมตร และในที่สุดก็สามารถจับอุณหภูมิและความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตได้ โดยเริ่มจากสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ทราบว่าเป็นสัตว์หรือมนุษย์ ได้เดินออกจากหลังบ้านแม่ของผู้ต้องหาไปตามไร่พืชสวน ลัดเลาะไปมา
จากนั้นเดินหายเข้าไปภายในบริเวณชายคาบ้านเรือนไทย โดยใช้เวลาเดินประมาณ 9 นาที แล้วไม่ออกมาอีกเลย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบมาก่อนแล้วว่า บ้านหลังดังกล่าวนั้นมีคุณยายอายุมาก และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อาศัยอยู่เพียงลำพัง เจ้าหน้าที่จึงประชุมวางแผนจนกระทั่งเวลาประมาณ 01.30 น.วันนี้ (10 ก.พ.) ต้องถอนกำลัง และมีการนัดหมายกันว่าจะเริ่มปฏิบัติการเพื่อกดดันให้ผู้ต้องหาออกมามอบตัวในภายหลัง
เนื่องจากหากเจ้าหน้าที่นำกำลังบุกเข้าไปอาจจะทำให้คุณยายที่พักผ่อนอยู่ภายในบ้านได้รับอันตรายได้ อีกทั้งก่อนหน้าที่ผู้ต้องหาได้ประกาศเอาไว้ว่า จะขอสู้ตายโดยจะยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่จำนวน 2 นัด ส่วนอีก 1 นัดที่เหลือจะใช้ปลิดชีพตัวโดยที่จะไม่ยอมติดคุกโดยเด็ดขาด
แต่อย่างไรก็ตาม ขณะเจ้าหน้าที่กำลังเดินทางไปยังจุดนัดพบ ปรากฏว่าเวลาประมาณ 04.00 น. พ.ต.อ.สุชาย เทศัชบุตร ผกก.สภ.ท่าม่วง ได้รับการประสานจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง ผู้ต้องหาจะขอเข้ามอบตัว พร้อมกับนำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .380 เครื่องกระสุน ขนาด .38 จำนวน 2 นัด และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุมามอบให้ด้วย
หลังจากได้รับการติดต่อไม่นานนัก พลทหารอมรเทพ ลิ้มเจริญ หรือเปา ทหารเกณฑ์ผู้ต้องหาก็เข้ามอบตัวตามที่ได้รับปากเอาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อบันทึกเรื่องราว โดยหลังจากยอมรับสารภาพแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดก่อเหตุ โดยไม่มีเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้น
จากนั้นไปทำแผนยังจุดที่ 2 คือ จุดที่นำอาวุธปืนไปซุกซ่อนเอาไว้ที่หน้าบ้านแม่ของตนเองที่อยู่ภายในซอยสุสาน โดยมี ร.ต.อ.ณรงค์ ขำสุนทร รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าม่วง ร้อยเวรเจ้าของคดีถ่ายภาพทำแผนอย่างละเอียด โดยหลังจากนี้จะต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 17 เนื่องจากผู้ต้องหายังเป็นทหาร อีกทั้งยังมีหมายจับจากศาลมณฑลทหารบกที่ 17 อีกด้วย
ทั้งนี้ พลทหารอมรเทพ ลิ้มเจริญ หรือเปา ให้การยอมรับสารภาพเพียงว่าได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่ร้านทำเล็บชื่อนิลนี่ชอป เพื่อเป็นการข่มขู่เท่านั้นไม่ได้มีเจตนาทำให้ใครได้รับบาดเจ็บ