xs
xsm
sm
md
lg

“หมอหนู” เผยมาตรการ “คุมคน จำกัดพื้นที่” ช่วยโรงงานฝ่าวิกฤตโรคระบาด คาดเห็นผลภายใน 28 วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมุทรสาคร - “หมอหนู” ชมกองกำลังสมุทรสาครทุกภาคส่วนร่วมสู้โควิด-19 ได้เยี่ยมยอด เชื่ออีกไม่นานสถานการณ์จะเบาบางลง ส่วนมาตรการ Bubble & Sealed “คุมคน จำกัดพื้นที่” ช่วยโรงงานฝ่าวิกฤตโรคระบาด เห็นผลภายใน 28 วันแน่นอน

เวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (3 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานด้านการควบคุมโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) ของจังหวัดสมุทรสาคร และเยี่ยมเยียนบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาลกระทุ่มแบน


โดยมีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร นายแพทย์ธรรมวิทย์ เกื้อกูลเกียรติ ผู้อำนวยโรงพยาบาลกระทุ่มแบน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ โดยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดสมุทรสาคร การประเมินความเสี่ยงในพื้นที่ต่างๆ ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งในชุมชน และสถานประกอบการ

ตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขเห็นชอบให้ดำเนินการ เช่น การตรวจเชิงรุกในกลุ่มโรงงาน สถานประกอบการขนาดใหญ่ที่มีแรงงานมากกว่า 500 คนขึ้นไป การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม หรือศูนย์ห่วงใยคนสาคร และศูนย์ห่วงใยแรงงานสาคร หรือ FQ ในสถานประกอบการ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และการใช้มาตรการ Bubble & Sealed “คุมคน จำกัดพื้นที่” แก้โควิด-19


ซึ่งภายหลังจากที่รับฟังบรรยายสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายอนุทิน และคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมห้องรักษาและดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของโรงพยาบาลกระทุ่มแบน โดยมีการนำระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาใช้ เพื่อลดการสัมผัสระหว่างแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ กับผู้ป่วย หรือผู้ติดเชื้อ จากนั้นได้เยี่ยมพบปะกับเจ้าหน้าที่บรรจุใหม่ของโรงพยาบาลและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ห่วงใยคนสาคร 7 อาคารอเนกประสงค์ อบต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

สำหรับที่ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 7 อบต.ท่าทราย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจเยี่ยมความพร้อมในส่วนเพิ่มเติมของโรงพยาบาลสนามที่มีการขยายพื้นที่ เพิ่มจำนวนเตียงให้มากขึ้น เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อในพื้นที่ตำบลท่าทรายที่มีจำนวนมากขึ้นจากการตรวจเชิงรุก 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับการดูระบบการให้บริการทางการแพทย์ผ่านจอคอมพิวเตอร์เช่นกัน ซึ่งมองเห็นผู้ที่เข้ารับการกักตัวในโรงพยาบาลสนามได้รอบทิศทาง


ทำให้แพทย์สามารถที่จะดูแลผู้ติดเชื้อได้อย่างครอบคลุม และลดการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อให้น้อยลงด้วย นอกจากนี้ ที่ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 7 แห่งนี้ ยังมี “น้องปิ่นโต พระราชทาน โดยมูลนิธิกองทุนชัยพัฒนา” อุปกรณ์การให้ยาและการพูดคุยระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ กับผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อ และความร่วมมือจากภาคเอกชนที่ร่วมกันบริจาคสิ่งของให้จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อนำมาใช้ในโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ตนเอง และคณะจากกระทรวงสาธารณสุขได้มาลงพื้นที่ในเขตจังหวัดสมุทรสาคร โดยได้มาดูการทำงานของทีมงานที่สมุทรสาคร ซึ่งจากการบรรยายสรุปสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ แสดงให้เห็นว่า จังหวัดสมุทรสาครมีความพร้อมและความพยายามในการต่อสู้เพื่อพิชิตโรคโควิด-19 นี้ให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งต้องยอมรับว่าทุกภาคส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือจังหวัดสมุทรสาครนั้นได้ร่วมกันปฏิบัติงานอย่างยอดเยี่ยม


จนวันนี้เราจะเห็นได้ว่าสถานการณ์โดยรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น แม้สถานการณ์จะยังพบตัวเลขที่ค่อนข้างสูง แต่นั่นก็มาจากมาตรการตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการขนาดใหญ่ และพื้นที่กลุ่มเสี่ยงแบบครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เรารู้พื้นที่หรือกลุ่มก้อนการแพร่ระบาดที่ชัดเจน และสามารถที่จะเข้าไปวางมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น “เสมือนกับสะเก็ดไฟที่กระเด็นไปตรงไหน เราก็ตามไปดับตรงนั้น ทำให้ไม่เกิดการลุกลามไปเป็นวงกว้าง” ซึ่งพวกเราคงต้องต่อสู้กับโรคนี้ไปอีกระยะหนึ่ง กว่าที่วัคซีนจะเข้ามา

สำหรับในส่วนของวัคซีนนั้น แม้ว่าอาจจะมีปัญหาติดขัดบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ขอให้รู้ว่า ทางรัฐบาลได้หาทางแก้ไขในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้วัคซีนมาเร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ หรือถ้าได้มาในเดือนมิถุนายนปีนี้ ก็ถือว่าเป็นไปตามแผนเดิมที่กำหนดไม่มีการล่าช้าหรือผิดแผนแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ส่วนมาตรการ Bubble & Sealed แก้โควิด-19 ของโรงงาน คือ การควบคุมโรคระดับหนึ่งที่ทำให้สถานประกอบการยังคงทำงานต่อไปได้ โดยการ Sealed คือ การจำกัดพื้นที่ของโรคให้อยู่ที่เดียว ใช้กับสถานประกอบการที่มีที่พักให้คนงานอยู่ในรั้วเดียวกัน ส่วนการ Bubble คือ การจำกัด หรือควบคุมเส้นทางระหว่างโรงงานกับคนให้อยู่ด้วยกัน ไม่แตกออกไปที่อื่น ซึ่งใช้ในกรณีที่คนงานไม่ได้พักในโรงงาน เพื่อให้ง่ายในการควบคุมโรค หรือถ้าเป็นไปได้คือ ให้โรงงานจัดหาที่พักให้คนงานได้อยู่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน เพื่อง่ายต่อการเข้าไปดูแลในระยะเวลาหนึ่ง จนกว่าจะพ้นช่วงควบคุมโรคคือระยะปลอดภัยประมาณ 28 วัน


นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่า โรงพยาบาลสนาม หรือศูนย์ห่วงใยคนสาคร ที่เราจะทำการคัดแยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติให้มาอยู่ที่นี่ แต่ละคนจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ถ้าอยู่ที่นี่แล้วไม่มีอาการที่เลวร้ายลงไปก็จะกลับไปสู่สภาวะปกติได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากความทุ่มเท ความตั้งใจ ความร่วมมือ ความเสียสละของทุกฝ่าย โดยสิ่งของที่ใช้นั้นมีทั้งที่ใช้งบประมาณของรัฐ แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นพวกครุภัณฑ์ เตียง ที่นอนหมอนมุ้ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ส่วนใหญ่ได้รับความเมตตาจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งภาคเอกชน ประชาชนทั่วไป นี่คือภาพของพลังระบบการสาธารณสุขของประเทศไทย ที่ทำให้ภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขสามารถเน้นไปในเรื่องของการควบคุมโรค การรักษาพยาบาลมากขึ้น ช่วยรักษาชีวิตของผู้คนมากขึ้น

"เห็นแล้วต้องบอกได้ว่าสบายใจ สมุทรสาคร มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ ถ้าพวกเราให้ความร่วมมือทำตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และถ้าไม่อยากให้ส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ลำบาก อดหลับอดนอน เราต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ หลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมกัน อย่าเพิ่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ที่เป็นสาธารณะ หากปฏิบัติได้โอกาสที่จะติดเชื้อแทบจะไม่มี การติดเชื้อที่พบมากในสมุทรสาคร เป็นการติดเชื้อในกลุ่มก้อนเดียวกัน อยู่ในโรงงานเดียวกัน ทำงานด้วยกันก็ติดเชื้อกัน แต่ไม่ใช่เป็นการติดเชื้อแบบแพร่กระจายออกไป จำนวนการติดเชื้อที่อยู่นอกกลุ่มก้อนน้อยมากไม่ถึง 10% อยู่ในสภาวะที่กระทรวงสาธารณสุขรับมือได้อยู่แล้ว"
กำลังโหลดความคิดเห็น