ท่าขี้เหล็ก/เชียงราย - ทางการท้องถิ่นท่าขี้เหล็ก-เมียนมา เฝ้าระวังโควิดระบาดซ้ำ..กักตัวคนกลับจากไทย-ลาว รวมทั้งกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่รวมเกือบ 200 ราย ด้าน ศปค.แม่สาย เปิดรับไทยถือบัตรหัวศูนย์กลับแต่ต้องจ่ายค่าตรวจ-กักตัวเอง
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทางการท้องถิ่น จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่อยู่ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ต้องกักตัวกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเวลา 14 วัน เกือบ 200 คน แยกเป็นกลุ่มผู้ต้องขังที่พ้นโทษจากไทยข้ามแดนกลับ 102 คน ซึ่งเข้ากักตัวที่โรงเรียนเมืองโก และชาวเมียนมาที่เดินทางมาจาก สปป.ลาว อีก 10 คน กักตัวที่โรงเรียนบ้านโป่ง ติดกับแม่น้ำโขง เหนือสามเหลี่ยมทองคำ ชายแดนเมียนมา-สปป.ลาว
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ทางการท้องถิ่น จ.ท่าขี้เหล็ก ยังจัดสถานที่กักดูอาการประชากรกลุ่มเสี่ยงที่โรงเรียนบ้านห้วยดินดำ 30 คน โรงเรียนบ้านกอง หมู่บ้านของชาวคะฉิ่น 19 คน และที่โรงเรียนท่าล้อ ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 26 คน รวมทั้งหมด 187 คน
อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้ (16 ม.ค. 64) ยังไม่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในท่าขี้เหล็ก โดยผู้ติดเชื้อจำนวน 2 รายล่าสุดเป็นหญิง 1 คนและชาย 1 คนนั้น ล่าสุดพบว่าหญิงอายุ 30 ปีที่พบการติดเชื้อมาตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาได้รับการรักษาจนหายและกลับไปกักตัวที่บ้านต่อได้แล้ว เหลือแต่คนงานก่อสร้างถนนที่มาจากเมืองย่างกุ้งซึ่งเป็นชายที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลท่าขี้เหล็กเพียง 1 คนเท่านั้น
สำหรับฝั่งไทย นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย แจ้งว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เชิงรุกในกลุ่มพนักงานสถานบันเทิงใน จ.เชียงราย แม้ว่าจะไม่พบการติดเชื้อในพื้นที่มานาน 1 เดือนกว่าแล้ว โดยระหว่างวันที่ 13-15 ม.ค. 2564 ได้ออกตรวจในเขต อ.เมืองเชียงราย และ อ.แม่สาย จำนวน 483 รายผลปรากฎเป็นลบหรือไม่พบเชื้อทั้งหมด และเหลือคนที่อยู่ในสถานกักกันโรคของรัฐ หรือ State Quarantine เพียง 34 คน
แต่เจ้าหน้าที่และสถานกักกันโรคของรัฐยังคงเตรียมพร้อม เนื่องจากทางศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปค.) อ.แม่สาย ได้ประสานกับทาง จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เปิดรับผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนหรือผู้ถือบัตรหัวศูนย์ในฝั่งเมียนมาที่ประสงค์จะเดินทางมายังประเทศไทย ภายใต้เงื่อนไขต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกักกันโรคของรัฐ-ค่าตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง รวมรายละ 16,200 บาท และค่าปรับศาลพม่า 3 แสนจั๊ต คิดเป็นเงินไทย 7,000 บาท