เชียงราย - ทหารกองกำลังผาเมืองเฝ้าช่องทางธรรมชาติชายแดนแม่สายสกัดคนลอบเข้าเมืองเข้มทั้งวันทั้งคืน ขณะที่ผู้ป่วยโควิดเชียงรายเป็นศูนย์ สถานกักกันโรคใกล้ปลอดคน ศปค.แม่สายจ่อรับผู้ถือบัตรหัวศูนย์ตกค้างพม่ากลับไทย
พล.ต.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชุดปฏิบัติการสกัดกั้นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ที่ยังคงเฝ้าระวังตามช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดนในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างเข้มงวด กลางดึกที่ผ่านมา (13 ม.ค. 64)
ขณะนี้จังหวัดเชียงรายยังเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากการระบาดในระลอกใหม่นับตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมาแล้ว ขณะที่สถานกักกันโรคของรัฐใน จ.เชียงราย มีผู้ที่ยังอยู่ระหว่างกักตัวเพียง 46 คน และทั้งหมดใกล้ครบระยะเวลาการกักตัวแล้ว
ด้าน นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปค.) อ.แม่สาย ได้แจ้งไปยังส่วนท้องถิ่นของ จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่า กรณีไทย-เมียนมาร่วมมือกันจัดให้คนไทยที่ตกค้างในเมียนมาลงทะเบียนเดินทางกลับไทยผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย นั้น
สำหรับผู้ที่ถือบัตรบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนหรือบัตรหัวศูนย์ที่ตกค้างอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก หากมีความประสงค์จะขอเดินทางกลับมายังประเทศไทยสามารถเตรียมเอกสารเป็นทะเบียนราษฎร หรือ ทร.38 พร้อมบัตรหัวศูนย์ ไปแจ้งต่อคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา หรือทีบีซี ไปยื่นต่อหน่วยงาน TBC และที่สำนักงานคณะกรรมการดูแลรักษาสิทธิและเจรจาต่อรองเพื่อประชาชน เมียนมา-ไทย (CNCMC) ได้
แต่ผู้ถือบัตรหัวศูนย์ดังกล่าวจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกักตัวในสถานกักกันโรคของรัฐ หรือ state quarantine ในฝั่งไทยด้วย แยกเป็นค่าใช้จ่ายในการพักวันละ 900 บาท เป็นเวลา 14 วัน รวม 12,600 บาท และค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งละ 1,200 บาท จำนวน 3 ครั้ง รวม 3,600 บาท รวมทั้งหมด 16,200 บาทต่อคน
อย่างไรก็ตาม หลังมีการประสานงานดังกล่าวยังไม่มีรายงานว่าจะมีผู้ที่ลงทะเบียนข้ามกลับมาหรือไม่เพราะมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่เชื่อว่าจะมีผู้เดินทางกลับมาเพราะบางส่วนตั้งรกรากหรือมีกิจการในฝั่งไทย บางกลุ่มเป็นผู้ที่รอพิสูจน์สัญชาติ และในช่วงเวลาปกติจะเดินทางไปมาระหว่างแม่สายกับท่าขี้เหล็กอยู่เป็นประจำ