พระนครศรีอยุธยา - ระทึก! เรือยนต์ระเบิด พ่อแม่ลูกเจ้าของเรือโดดน้ำหนีตายเอาชีวิตรอด บริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ 2 ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันนี้ (14 ม.ค.) ร.ต.อ.ปัญญา อามาตย์เสนา พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเกิดเหตุไฟไหม้เรือยนต์ลากจูง บริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ 2 ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงประสานเรือดับเพลิง รถดับเพลิง และกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรุดให้ความช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุกลางแม่น้ำเจ้าพระยา พบเรือยนต์เพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถฉีดน้ำสกัดได้เพราะอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา จึงประสานเรือเจ็ตสกีของสมาคมอยุธยารวมใจ จำนวน 2 ลำ ทำการช่วยเหลือโดยใช้วิธีสกัดน้ำให้กระเด็น ไปบนเรือ แต่ไม่สามารถดับได้ จึงประสาน เรือดับเพลิงของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา มาทำการฉีดน้ำสกัด ใช้เวลากว่า 30 นาที เพลิงจึงสงบเหลือแต่กลุ่มควัน แต่เนื่องจากเรือยนต์ลากจูงได้รับความเสียหายจากถูกเพลิงไหม้จึงทำให้เรือจมลงในแม่น้ำ
สอบถามนาย วิเชียร แก้วทอง อายุ 70 ปี 101/52 ม.3 ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เจ้าของเรือกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุได้ลากเรือเหล็ก (เรือเปล่า) จำนวน 3 ลำ จากจังหวัดปทุมธานี เพื่อไปอำเภอป่าโมก ขณะนั้นเทอร์โบของเรือได้เกิดระเบิดจนเพลิงลุกไหม้ ตนจึงบังคับเรือแล้วได้ตัดเชือกเรือออกจากนั้นแรงลมก็พัดเรือเกือบถึงฝั่ง ตนและภรรยา ลูกสาวจึงได้กระโดดออกจากเรือ ขณะที่เพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นเรือก็ลอยไปหลังคาบ้านเรือนประชาชน แต่โชคดีที่กระแสลมได้พัดเรือออกไปกลางฝั่ง จึงทำให้หลังคาบ้านชาวบ้านเสียหายเล็กน้อย ส่วนเรือของตนนั้นชื่อเรือสินทิวา ถูกเพลิงไหม้และจมลงไปในน้ำ ส่วนสาเหตุคาดว่าสายน้ำมันคงจะชำรุดและเกิดประกายไฟทำให้ไฟไหม้ในครั้งนี้ ส่วนความเสียหายประเมินค่ายังไม่ได้
ทางด้าน นางอารยา บัวลอย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 2 ตำบลภูเขาทอง เจ้าของบ้านที่เสียหายเล็กน้อย กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุ ตนอยู่บนบ้านและได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นกลางแม่น้ำจึงชะโงกหน้าไปมองก็เห็นไฟลุกไหม้เรืออยู่ กระแสลมแรงทำให้พัดเรือเข้ามาชิดเกือบติดกับบ้านของตนจนทำให้ไฟที่ลุกไหม้ติดกับหลังคาบ้าน โชคดีมีชาวบ้านช่วยกันฉีดน้ำสกัดและกระแสลมได้พัดเรือออกไปอยู่กลางแม่น้ำไม่เช่นนั้นบ้านอาจไฟไหม้ อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนคนขับเรืออย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการเกิดเหตุที่แท้จริงต่อไป โชคดีเหตุการณ์ครั้งไม่มีใครเสียชีวิต