นครพนม - ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี บุกตรวจยึดรถยนต์ 8 คัน ซุกในบ้านและสวนยางใน อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ล้วนเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า คาดรอลำเลียงข้ามแม่น้ำโขงขายตามออเดอร์ เพราะเป็นยี่ห้อยอดนิยมที่ซื้อขายในตลาดมืดฝั่งลาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ม.ค.) ที่วัดนันทสาร หมู่ 3 บ้านนาโพธิ์ ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง จ.นครพนม ที่ตั้งฐานปฏิบัติการของหมวดเคลื่อนที่เร็วที่ 1 (มว.คทร.1) กองร้อยเคลื่อนที่เร็วที่ 1 กองบังคับการควบคุมที่ 1 กรมทหารราบที่ 3 (ร.3) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (กกล.) พ.อ.วุทธิพงษ์ อรรคคำ รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 (ร.3) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี แถลงข่าวการตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า จำนวน 8 คัน ที่ถูกนำมาซุกซ่อนไว้ที่บ้านเรือนและสวนยางพาราของประชาชนบ้านดงโทน หมู่ที่ 4 ต.ดงบัง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
การตรวจยึดได้ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี นำโดย ร.อ.กิตติกร จันทร์หอม ผบ.ร้อย คทร.1 ได้ลาดตระเวนพบรถยนต์ต้องสงสัยที่มีแผ่นป้ายทะเบียนต่างจังหวัดจอดอยู่ในบ้านเรือนประชาชนหลายหลัง และอยู่ในสวนยางพาราอีกหลายคัน สันนิษฐานเบื้องต้นว่าอาจจะเป็นรถยนต์ขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติรอการส่งต่อข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จึงวางกำลังซุ่มดู
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึง 17.00 น.ของวานนี้ (12 ม.ค.) เกรงว่าถ้าพลบค่ำอาจจะไม่ปลอดภัยกับชุดปฏิบัติการ จึงแจ้งประสานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อได้ร่วมกันวางแผนเข้าทำการตรวจสอบจุดที่พบรถยนต์ต้องสงสัยจอดอยู่ โดยกระจายกำลังเข้าขอตรวจสอบเอกสารการครอบครองรถยนต์จากเจ้าของบ้านซึ่งได้รับคำตอบว่ามีบุคคลไม่ทราบชื่อและสัญชาติขับรถเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน หรือสวนยางพาราบ้าง พร้อมกับบอกว่าขอฝากรถไว้สักวันสองวัน โดยให้เงินเป็นค่าฝากจำนวน 500 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งเหตุและอธิบายวัตถุประสงค์ให้ชาวบ้านรับฟังจนเข้าใจทั้งสองฝ่าย จึงสมัครใจและยินยอมนำพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจยึด
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงอาศัยอำนาจมาตรา 92 (4) ว่า “เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิดหรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิดได้ซ่อนอยู่ในนั้น ประกอบทั้งต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ สิ่งของเหล่านั้นจะถูกโยกย้ายหรือทำลายเสีย”
เมื่อชาวบ้านไม่มีหลักฐานคู่มือรถยนต์มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดเพื่อการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึดรถยนต์จำนวน 8 คันไว้ โดยใช้รถลากไปไว้ที่ฐานปฏิบัติการวัดนันทสาร บ้านนาโพธิ์ ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง จ.นครพนม รอยต่อจังหวัดบึงกาฬเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
โดยรถยนต์ทั้ง 8 คัน เป็นยี่ห้อโตโยต้าทั้งหมด ได้แก่ 1.รถยนต์กระบะ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน 3 ฒฆ 7296 กทม. 2.กระบะ ทะเบียน ยง 3764 สีดำ นครราชสีมา 3.กระบะ วีโก้ แค็บ สีขาว ทะเบียน 9397 เลย 4.กระบะ วีโก้ 4 ประตู สีขาว ทะเบียน ขพ 721 ชลบุรี 5.กระบะ 4 ประตู สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กษ 4830 นครศรีธรรมราช 6.ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน 8 กข 270 กทม. 7.กระบะ วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน บง 789 สตูล และ 8.กระบะ วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน 1 ฒค 3248 กทม.
โดยในช่องเก็บของหน้าคอนโซลรถทุกคันมีเอกสารหลักฐาน เช่น บัตรประชาชน คู่มือชื่อผู้ครอบครองรถ และทะเบียนบ้าน โดยมีรถยนต์ 1 ใน 8 คัน ติดสติกเกอร์หน้ากระจกรถเป็นตราของหน่วยทหารแห่งหนึ่ง พร้อมสติกเกอร์ระบุชื่อรุ่น จึงได้มีการตรวจสอบไปยังต้นสังกัดพบว่าเป็นรถของนายทหารนายนั้นจริง และได้เดินทางมาจากจังหวัดขอนแก่น เพื่อแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด
นอกจากนี้ มีรถยนต์อีก 3 คันที่ไฟแนนซ์ตามหาอยู่ เนื่องจาก 2 คันแรกค้างชำระนานกว่า 4 เดือน ส่วนอีกคันศาลได้พิพากษาให้ผู้ครอบครองคืนรถ แต่ทั้ง 3 คันได้มาโผล่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง คาดว่ารอการลำเลียงส่งไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ที่สำคัญเป็นที่น่าสังเกตว่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าจะเป็นรถยอดนิยมที่ฝั่งตรงข้ามมีออเดอร์สั่งนำเข้าไปมากที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตามตัวผู้ครอบครองรถยนต์ทั้งหมดมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติอย่างไร