กาญจนบุรี - หมอหนุ่ย ผู้สมัครนายก อบจ.กาญจน์ เบอร์ 1 ส่งคนสนิทขึ้นโรงพักแจ้งดำเนินคดีทนายความเสี่ยสรรค์ ผู้สมัครนายก อบจ.เบอร์ 2 ฐานเอาข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ส่วนอดีตผู้สมัครที่ถูกตัดสิทธิรับสมัคร ส.อบจ. แจ้งดำเนินคดี ผอ.กกต.พร้อมพวก มาตรา 157 เหตุ เอกสารยกคำร้องหลุดถึงมือผู้โพสต์ แถมร้องเรื่องวุฒิอีกรอบ
จากกรณีนายเชาว์ มีขวด ทนายความของนายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ผู้สมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี เบอร์ 2 เข้าพบ กกต.กลาง เพื่อขอให้เร่งวินิจฉัยชี้ขาดผู้สมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี เบอร์ 1 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย ที่ถูกร้องเรียนว่ามีการแจกเสื้อยืดที่มีโลโก้ของตนเองให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เดินทางมาให้กำลังใจในวันสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 พ.ย.63 ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม
โดยนายเชาว์ มีขวด ขอให้ กกต.เร่งวินิจฉัยชี้ขาดก่อนวันเลือกตั้งโดยมีมติระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือให้ใบส้ม นายสุรพงษ์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งผู้สมัครรายอื่น รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพราะหากปล่อยให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว นายสุรพงษ์ ได้รับเลือกตั้ง แล้วหลังจากนั้นถ้า กกต.วินิจฉัยว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นความผิด แล้ว กกต.ก็ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ทำให้สูญเสียงบประมาณ
จากกรณีดังกล่าว ล่าสุด วันนี้ (17 ธ.ค.) นายวิจารณ์ กุลชนะรัตน์ อดีตปลัด อบจ.กาญจนบุรี ได้รับมอบอำนาจจากนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย นำหลักฐานเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายเชาว์ มีขวด ฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ นายวิจารณ์ เปิดเผยว่า วันนี้ผมได้รับมอบอำนาจจากคุณสุรพงษ์ ปิยะโชติ ผู้สมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี เบอร์ 1 โดยมอบอำนาจให้ผมมาแจ้งความดำเนินคดีในกรณีที่นายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ผู้สมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี เบอร์ 2 ร้องเรียนไปยัง กกต.จากนั้นนายเชาว์ มีขวด ซึ่งเป็นทนายความได้ไปติดตามที่ กกต.กลาง แล้วเอาเรื่องนี้ไปโพสต์ลงในโซเชียล
โดยที่เรื่องร้องเรียนยังไม่ได้ข้อยุติ และข้อเท็จจริงมันไม่ได้เป็นไปตามที่ร้องเรียน และ กกต.ก็ยังไม่มีผลสรุปอะไรออกมา เมื่อนำไปโพสต์ลงในโซเชียล พร้อมคำกล่าวที่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าหมอหนุ่ย เบอร์ 1 มีการแจกเสื้อและแจกเงินในวันที่มาสมัครวันแรก จึงถือว่าเอาข้อมูลอันเป็นเท็จโพสต์ลงในระบบโซเชียล ดังนั้น เราจึงต้องมาแจ้งความดำเนินคดีต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีได้เห็นว่า นายสุรพงษ์ ผู้สมัครนายก อบจ.เบอร์ 1 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการแจกเสื้อและการแจกเงินทั้งสิ้น
ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้คนที่มาในวันสมัคร เป็นผู้ติดตามผู้ที่มาสมัคร ส.อบจ.โดยไม่ได้มาติดตามหมอหนุ่ย เบอร์ 1 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนเองคิดว่าสังคมจะต้องเข้าใจ ว่าการนำไปโพสต์ใกล้วันเลือกตั้งมันจะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียง และมันทำให้มีส่วนได้ส่วนเสียของการลงคะแนนจึงถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เรื่องนี้เราจึงปล่อยเอาไว้ไม่ได้
ซึ่งโดยปกติแล้วเราไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องแบบนี้ แต่เราเห็นว่าเรื่องแบบนี้เป็นการใช้เล่ห์กลทางการเมือง ด้วยการใช้โซเชียลเข้ามาทำลายคู่ต่อสู้ จึงมองว่าทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง จึงจำเป็นที่จะต้องออกมาปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง สำหรับการมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ในวันนี้เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายเชาว์ มีขวด ในข้อหานำข้อมูลหรือข้อความอันเป็นเท็จลงในระบบโซเชียล
นายวิจารณ์ เปิดเผยว่า ส่วนกรณีที่ไปแจ้งความที่ สภ.พนมทวน เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.63 ที่ผ่านมนั้น คือเรื่องวุฒิการศึกษาของนายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ผู้สมัครนายก อบจ.เบอร์ 2 เป็นเรื่องที่นายเดชาทร ชมเพชร เป็นผู้ร้อง การร้องมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 แล้ว และปี พ.ศ.2555 ขณะลงแข่งกับนายทหารคนหนึ่ง ก็ตามร้องมาโดยตลอด และได้ติดตามร้องเรียนมาจนถึงปี 60-61 ที่ไปร้องที่สำนักนายก
แต่การที่นายเดชาทร ร้องครั้งนี้ได้มอบให้ตนเองเป็นที่ปรึกษาทางฝ่ายกฎหมาย ประเด็นคือ การร้องไปยัง กกต.ครั้งล่าสุด และถูกยกคำร้องไปแล้ว มันเป็นคนละประเด็นกับที่นายเดชาทร ร้อง คือประเด็นที่นายเดชาทร ร้องเป็นประเด็นการใช้คุณวุฒิการศึกษาที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เอามาสมัครนายก อบจ.ตั้งแต่ปี 51 และปี 55 ซึ่งมันจะส่งผลไปถึงวันสมัครนายก อบจ.เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ปี 63 ที่ผ่านมา โดยใช้คำว่าเคยเป็นนายก อบจ. ซึ่งคุณวุฒิระดับปริญญาตรีที่ได้มาเมื่อปี 49 แต่ถูก กศน. ออกคำสั่งยกเลิกวุฒิการศึกษาระดับ ม.ต้นไปแล้ว และถึงแม้ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการปกครองของศาลปกครองสูงสุดก็ตาม แต่ผลของคำสั่งยังคงอยู่ ตาม พ.ร.บ.วิ ปกครอง ปี 39 มาตรา 42 วรรค 2
ฉะนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้นายเดชาทร จึงต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.พนมทวน เพราะเป็นบ้านของเขา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการพิสูจน์และดำเนินคดีอาญาฐานใช้เอกสารที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือเอกสารปลอมมาสมัครนายก อบจ.ตั้งแต่ปี 51 และปี 55 ซึ่งมันจะส่งผลกับการสมัครที่ใช้คำว่าเคยเป็นนายก อบจ.อย่างแน่นอน
สำหรับการไปแจ้งความที่ สภ.พนมทวนเมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.) นั้น ปรากฏว่า พนักงานสอบสวน สภ.พนมทวน ทำไม่ทัน และวันนี้ (17 ธ.ค.) นายเดชาทร จะไปแจ้งความเพิ่มเติมในประเด็นที่ได้เอกสารมาจาก กกต.ซึ่ง กกต.ได้ยกคำร้องไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่ามันมีเอกสารการยกคำร้องหลุดออกมาจาก กกต.กลาง ที่ส่งมายัง กกต.จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งเอกสารดังกล่าวไปถึงมือของผู้ที่โพสต์ลงในโซเชียล ซึ่งเอกสารที่นำไปโพสต์ลงโซเชียลนั้นมีชื่อของนายเดชาทร ผู้ร้องอยู่ในนั้น ทำให้ผู้ร้องคือนายเดชาทร ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังได้ อีกทั้งทำให้ผู้ร้องเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินด้วย ซึ่งเรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับการร้องดำเนินคดีต่อ นายรังสรรค์
ดังนั้น ผู้ร้องจึงต้องไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องคือ ผอ.กกต.ประจำจังหวัดกาญจนบุรีกับพวก ที่ปล่อยให้เอกสารที่ไม่มีคำวินิจฉัย ซึ่งมันเป็นเพียงแค่เอกสารที่ทาง กกต.กลางแจ้งมายัง กกต.จังหวัด ว่าการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.มีมติยกคำร้องเท่านั้น ปกติเมื่อ กกต.วินิจฉัยแล้วเสร็จ เขาจะมีคำวินิจฉัยรวมออกมาเป็นคำวินิจฉัย แต่ว่าเขาจะไม่มีชื่อของผู้ร้อง และเขาจะเขียนเหตุผลเอาไว้ว่าทำไมเขาจึงยกคำร้อง เมื่อได้ดูแล้วพี่น้องก็จะเข้าใจ แต่ถ้าหากดูจากหนังสือที่ประทับตราแทนการลงชื่อที่มาจาก กกต.กลางรับรองได้ว่าพี่น้องประชาชนคงไม่เข้าใจ และอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ ซึ่งการแจ้งความร้องทุกข์ของนายเดชาทร ชมเพชร ครั้งนี้เป็นการร้องดำเนินคดีต่อ ผอ.กกต.จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมพวก ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157”