เชียงราย - รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่ชายแดนแม่สาย มั่นใจสกัดโควิด-19 อยู่หมัด คุมการระบาดได้แน่ ขอแค่การ์ดอย่าตก-อย่าปิดประวัติเสี่ยง
วันนี้ (8 ธ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน บริเวณด่านพรมแดนแม่สาย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 และสถานที่กักกัน (Local Quarantine) ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
นายอนุทินกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยจึงให้ตนมาพบกับเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหลังเหตุการณ์ที่ผ่านมาตนมั่นใจว่าเรามีศักยภาพพอที่จะควบคุมป้องกันโรค และไม่ถือว่าเป็นการระบาด จึงขอให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพของระบบการป้องกันควบคุมโรคของ จ.เชียงราย และของประเทศไทยที่สามารถตรวจจับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้รวดเร็ว แล้วนำเข้าระบบการรักษาทันที พร้อมติดตามผู้สัมผัสได้อย่างครบถ้วน กระทั่งควบคุมการแพร่ระบาดได้ไม่กระจายไปในวงกว้าง
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 8 ธ.ค.พบมีผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากท่าขี้เหล็ก เข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ 17 ราย มาทางจุดผ่านแดนและเข้าสถานที่กักกัน 27ราย และเป็นผู้สัมผัสในไทยอีก 2 ราย รวมเป็น 46 ราย โดยรับไว้รักษาที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา กรุงเทพฯ พิจิตร และราชบุรี
สำหรับการดำเนินการเชิงรุกได้มีรถตรวจเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน 3 คัน ดำเนินการในพื้นที่ระหว่างวันที่ 2-8 ธ.ค.ได้จำนวน 4,228 ราย ได้ผลลบทั้งหมด ส่วนการคัดกรองผู้เดินทางผ่านด่านควบคุมโรคแม่สาย มีผู้เดินทางทั้งไทยและเมียนมาสะสมตั้งแต่ 13 ต.ค.เป็นต้นมา จำนวน 13,098 ราย ในด้านการเตรียมพร้อมรองรับผู้เดินทางกลับจากท่าขี้เหล็ก จ.เชียงราย ก็มีสถานที่กักกัน 9 แห่ง รองรับได้ 550 คน ขณะนี้มีผู้กักกันคงเหลือ 169 คน ขณะที่ห้องแยกความดันลบ อุปกรณ์ ยา เวชภัณฑ์ มีสำรองไว้อย่างเพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำได้สั่งการ ดังนี้ 1. ประสานฝ่ายความมั่นคง ยกระดับการเฝ้าระวังตามแนวชายแดน ทั้งช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศและช่องทางธรรมชาติ 2. เปิดช่องทางพิเศษรับคนไทยกลับจากท่าขี้เหล็ก ให้ด่านฯ สามารถอนุญาตให้เข้ามาได้เลย
3. ให้ อสม.เฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาอยู่ในพื้นที่ โดยให้ผู้ที่เดินทางมาจากท่าขี้เหล็กเดือนพฤศจิกายน มารายงานตัวและรับการตรวจคัดกรองทุกคน 4. เตรียมความพร้อมบริหารจัดการทรัพยากร ยกระดับการจัดการหากมีผู้ป่วยมากขึ้น 5. เพิ่มความเข้มข้นมาตรการป้องกันควบคุมโรคในสถานประกอบการ หรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค และ 6. การให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน ป้องกันการเกิดข่าวปลอม ข่าวลวง
“ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งด้านการรักษา ทีมสอบสวนโรค ยา เวชภัณฑ์ ขอประชาชนร่วมมือไม่ปกปิดประวัติเสี่ยง คาดว่ามีพี่น้องเราไปทำงานที่ท่าขี้เหล็กไม่เกิน 500 คน เข้ามาแล้วบางส่วน ที่เหลืออีกไม่มาก ให้เข้ามาแบบถูกต้อง หากป่วยจะได้รับการรักษาทันที ไม่แพร่โรคให้ครอบครัวคนใกล้ชิด ไม่กระทบต่อระบบป้องกันควบคุมโรค เศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวของประเทศ และที่สำคัญต้องไม่ประมาท การ์ดอย่าตก”
สำหรับภาพรวมเขตสุขภาพที่ 1 มีทรัพยากร อาทิ ห้องแยกความดันลบ 215 ห้อง ห้องแยกโรค 304 ห้องเตียง ICU และ NICU 517 เตียง โรงพยาบาลสนามอีก 1,741เตียง (กรณีมีการระบาด) มีสถานที่กักกัน 29 แห่งรองรับได้ 2,083 คนหน้ากากอนามัยมี 5.1 ล้านชิ้น N95 จำนวน 5 หมื่นกว่าชิ้น Face shield 1.2 แสนชิ้น Cover all 6.5 หมื่นชุด เสื้อกาวน์กันน้ำ 2.9 หมื่นชุด ถุงมือยาง 1.8 ล้านชิ้น เป็นต้น เพียงพอต่อการใช้งานมากกว่า 3 เดือน