xs
xsm
sm
md
lg

กรมอุทยานฯ ไม่ไว้หน้า ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. ฟันอดีต หน.เขตสลักพระ ฐานรับรองออก น.ส.3 ก. 251 ไร่ โดยมิชอบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - กรมอุทยานฯ ไม่ไว้หน้า ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช.กลางวงเสวนา ฟันอดีต หน.เขตสลักพระ ฐานรับรองออก น.ส.3 ก. 251 ไร่ โดยมิชอบ จ่อฟันซ้ำอีก 3,000 ไร่ เหตุอยู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ

นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารอนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามนโยบายยกกำลัง 2+4 ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง 2+4 นั้น แปลความว่าต้องทำงานมากขึ้นเป็น 2 เท่า หรือยกกำลัง 2 และเพิ่มอีก 4 ข้อ คือ การสร้างสมรรถนะของตนเองในทุกด้าน การปฏิบัติงานแบบมีส่วนร่วม การสร้างความรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจในภารกิจของหน่วยงาน และการใช้เทคโนโลยีสร้างวัตกรรม เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าวในการปฏิบัติงานแบบมีส่วนร่วม และการสร้างความรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจในภารกิจของหน่วยงาน

โดยในวันนี้ตนมีโอกาสได้ร่วมการเสวนาในหัวข้อ "ความท้าทายของกาญจนบุรีในการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ" (การป้องกันการทุจริตออกเอกสารสิทธิ์ ในที่ดินโดยมิชอบ และการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ) ในโครงการขับเคลื่อน และบูรณาการติดตามมาตรการป้องกันการทุจริต ด้านทรัพยากรสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ที่สำนักงาน ป.ป.ช ประจำจังหวัดกาญจนบุรี จัดขึ้นที่โรงแรมไมด้า รีสอร์ต กาญจนบุรี อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

ในการเสวนาตนได้กล่าวถึงสถานการณ์ ปัญหาการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรสาธารณะ ในเขตป่าอนุรักษ์ที่รับผิดชอบ ตนได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เพิ่งได้ไปสัมผัสมาสดๆ ร้อนๆ ขึ้นมา 1 เรื่อง และเรื่องที่ยกขึ้นมาเชื่อว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต เนื่องจากเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก. ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ โดยมิชอบ

ซึ่งเรื่องนี้ทางหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระได้รายงานให้ตนทราบเมื่อวันที่ 8 ก.ค.2561 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ร่วมกับชุดพญาเสือ ได้จับกุมผู้กระทำผิด และตรวจยึดพื้นที่ที่มี น.ส.3 ก. จำนวน 4 แปลง รวมเนื้อที่ 251ไร่ ทั้งหมดอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ


นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ เปิดเผยว่า ต่อมา วันที่ 9 ก.ค.2562 อัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา 14 คน และให้คืนของกลาง เป็นรถแทรกเตอร์ รถแบ็โฮ รถบรรทุก10 ล้อ รวม 12 คัน โดยอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ได้วินิจฉัยว่า เนื่องจากที่ดินดังกล่าวมี น.ส.3 ก. จำนวน 4 แปลง ออกมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย และยังไม่มีการเพิกถอน ประกอบกับมีผู้ใหญ่บ้านไประวัง ชี้แนวเขต และรับรองแนวเขตที่ดินให้แก่เจ้าของที่ดินที่เกิดเหตุทั้ง 4 แปลง ซึ่งไม่พบว่า แปลงที่เกิดเหตุอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระแต่อย่างใด พยานหลักฐานจึงไม่พอฟ้อง

ทั้งที่ก่อนไปจับกุม หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ และเจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ ได้ตรวจสอบมาก่อนแล้วว่า น.ส.3 ก. จำนวน 4 แปลง ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีหลักฐานการออกมาจากใบจอง น.ส.2 ในปี 2519 และในปีเดียวกันก็เปลี่ยนมาเป็น น.ส.3 ใบจอง เป็นหนังสือที่ทางราชการออกให้ เพื่อเป็นการแสดงความยินยอมให้ครอบครอง ทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราว

แต่ห้ามมิให้ออกใบจองที่เป็นสาธารณสมบัติของที่ดินใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือเป็นที่สงวนหวงห้ามของทางราชการ หรือสงวนไว้เพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือเป็นที่เขา ที่ภูเขา และห้ามออกในเขตป่าถาวรตามมติ ครม. เพราะเป็นการขัดกับระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน พ.ศ.2498 ข้อ 3(1) ที่ดินที่จะจัดให้ประชาชนอยู่อาศัย หรือประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพ ต้องไม่ใช่ที่ดินตามสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน

หรือเป็นที่สงวนหวงห้าม หรือเป็นที่เขา ที่ภูเขา ขัดกับกฎกระทรวงฉบับที่ 5 ออกตามประมวลกฎหมาย พ.ศ.2497 ข้อ 8 ( 2) ห้ามออกโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ที่เขาที่ภูเขา ที่สงวนหวงห้ามหรือที่ดินส่วนราชการ เห็นว่าควรสงวนไว้ เพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ขัดกับระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2515 ข้อ 7 (2) และข้อ 9 (1) การออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน ที่ดินที่ครอบครองนั้นต้องไม่อยู่ในเขตที่ทางราชการ จำแนกไว้เป็นเขตป่าถาวร


นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ เปิดเผยว่า การออกใบจอง น.ส.2 ในปี 2519 จึงเป็นการออกใบจอง น.ส. 2 ภายหลังประกาศ พระราชกฤษฎีกาเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระในปี 2508 ต่อมา ถูกกันออกบางส่วนตามคำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 64 ในปี 2515 และยังถูกกันออกเป็นบางส่วนตามประกาศพระราชกฤษฎีกา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระในปี 2520

แต่ในบริเวณที่มี น.ส.3 ก. จำนวน 4 แปลง จำนวน 250 ไร่ ไม่มีการกันออกแต่อย่างใด และยังเป็นการออกใบจองภายหลังประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2516 ประกอบกับมีหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศที่ผู้เชี่ยวชาญและอ่านและแปลภาพถ่ายในบริเวณดังกล่าวย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2496

พบบริเวณดังกล่าวเป็นป่าเบญจพรรณทั้งแปลง ปี พ.ศ.2512 เป็นป่าเบญจพรรณทั้งแปลง ปี พ.ศ.2516 บางส่วนมีร่องรอยการทำประโยชน์ และปี พ.ศ.2558 เป็นป่าเบญจพรรณทั้งแปลง จากการอ่านและแปลภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังจากผู้เชี่ยวชาญจึงแสดงได้ว่า ในบริเวณดังกล่าวมิได้มีบุคคลใดครอบครอง หรือทำประโยชน์มาก่อนวันที่ 1 ธันวาคม 2497 ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ การออกใบจอง น.ส. 2 ในปี 2519 ต่อมาเปลี่ยนมาเป็น น.ส.3 ในปีเดียวกัน จึงเป็นการออกใบจอง น.ส. 2โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

การเปลี่ยนจากเอกสาร น.ส.3 มาเป็น น.ส.3 ก.ในปี 2556 ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ต้องมีการตั้งคณะกรรมการหลายฝ่ายขึ้นมาร่วมกันตรวจสอบ และรับรองแนวเขต ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 พ.ศ.2537 ที่ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน ข้อ 13 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้แต่งตั้ง

แต่ในการเปลี่ยนจาก น.ส.3 มาเป็น น.ส.3 ก.ดังกล่าว ปรากฏว่าไม่มีการตั้งคณะกรรมการตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 พ.ศ.2537 มาร่วมตรวจสอบ รังวัดระวังชี้แนวเขตแต่อย่างใด มีแต่นายอำเภอมอบให้ผู้ใหญ่บ้านในท้องที่คนหนึ่ง แต่ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นกำนันมารับรองแนวเขตแทนเพียงคนเดียว


นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนไม่โทษผู้ใหญ่บ้านคนนั้นเลย เพราะตนได้ไปตรวจสอบพยานหลักฐานโดยละเอียดแล้วพบว่า มีอดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ในช่วงปี 2528 ไปลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ที่อยู่ห่างจากแนวเขตจริงเกือบ 1 กิโลเมตร ที่ประกาศในพระราชกฤษฎีกา กำหนดแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ในปี 2508  ทำให้บุคคลโดยทั่วไปเข้าใจว่าที่ดินในบริเวณดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จึงทำให้ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวสำคัญผิดในข้อเท็จจริงไปรับรองชี้ระวังแนวเขตว่าไม่ได้อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ

แต่ตนสงสัยอย่างมาก ถึงแม้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระคนเก่า ปี 2528 ไปรับรองแนวเขตในบริเวณดังกล่าวว่าไม่ได้อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ แต่ในบริเวณดังกล่าวก็ยังอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ที่ประกาศตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2516 ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 อยู่ดี” นายนิพนธ์ เผย

นายนิพนธ์ เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ทำหนังสือ ไปถึงที่กรมที่ดินแล้วเพื่อขอให้เพิกถอนเอกสาร น.ส.3 ก.ทั้ง 4 ฉบับ ตามมาตรา 61 ประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว วันนี้ตนได้ทำหนังสือถึงท่านเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ลงวันที่ 3 ธ.ค.2563 ให้ดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการทุจริต และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว ผ่านนายหิรัณย์ เหยี่ยวประยูร ผอ.สำนักไต่สวนคดีทรัพยากรธรรมชาติ ป.ป.ช.แล้ว

ขณะเดียวกัน ตนยังได้รับแจ้งจากหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระอีกว่า ยังมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และโฉนดที่ดินอีกประมาณ 3,000 กว่าไร่ ที่ออกอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งตนในฐานะ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จะดำเนินการตรวจสอบให้หมดทุกแปลง

ขณะนี้กำลังตรวจสอบ น.ส.3 ก.อีก 1 แปลง เนื้อที่ 99 ไร่ ซึ่งเป็นการออกเฉพาะราย ตามมาตรา 59 ทวิ ประมวลกฎหมายที่ดิน ได้ น.ส.3 ในปี 2519 ตามประกาศคำสั่งของคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 ก.พ.2519 อ้างว่า ได้ครอบครองและทำประโยชน์ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ 1 ธ.ค.2497 ตอนนี้กำลังตรวจสอบและขอแผนที่ระวาง น.ส.3 ก. แปลงดังกล่าวจากที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ถ้าได้มาแล้วจะเร่งดำเนินการตามระเบียบของกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น