ศรีสะเกษ - ชาวเบญจลักษ์เฮ! อุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษสั่งปิดแล้วโรงงานยางพารา สหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ปล่อยน้ำเสียเน่าเหม็นลงลำน้ำ ไร่นาของชาวบ้านเดือดร้อนหนัก 3 หมู่บ้าน รวมทั้งวัด และโรงเรียนอีก 2 แห่ง นักเรียนกว่า 2,500 คน
วันนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายวรวิทย์ การุณ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 229/7 หมู่ 11 ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำตัวแทนชาวบ้านในเขต ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ และตำบลใกล้เคียงเข้าร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนว่า โรงงานแปรรูปและรับซื้อยางพาราของสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ จำกัด ปล่อยน้ำเสียลงลำน้ำสาธารณะ ไร่นาและสวนยางพาราของชาวบ้าน ได้รับผลกระทบหนักจากกลิ่นเน่าเหม็นไม่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข จำนวน 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านเสียว บ้านโนนใหญ่ บ้านไร่เจริญ รวมทั้งวัด 1 แห่ง โรงเรียน 2 แห่ง นักเรียนรวมกว่า 2,500 คน เคยร้องเรียนไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหลายครั้งแต่เรื่องก็เงียบหายไป ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ ที่สหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดศรีสะเกษ อ.เบญจลักษ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 11 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามที่มีการเสนอข่าวทางสื่อมวลชน
นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากคณะเจ้าหน้าที่ที่ได้ลงไปทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าพื้นที่ในบริเวณโรงงานดังกล่าวมีน้ำเสียส่งกลิ่นเหม็นไหลลงสู่พื้นที่ของเอกชน เป็นเหตุให้ชาวบ้านบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน เป็นน้ำเสียที่ไหลออกจากการกองขี้ยางโดยยังไม่ได้ผ่านกระบวนการบำบัด และมีน้ำเสียไหลลงสู่ที่ดินของชาวบ้าน ทำให้น้ำเน่าเสียมีกลิ่นเหม็นสร้างความเดือดร้อนรำคาญ เบื้องต้นอุตสาหกรรมจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แจ้งให้สหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ดำเนินการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาดังนี้ คือ ให้นำยางพาราที่รับซื้อไปกองบริเวณจุดพักที่มีทางไหลของน้ำเข้าสู่ระบบบำบัด ให้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมแนวกันทางน้ำเสียเพื่อไม่ให้ไหลลงสู่พื้นที่หรือแหล่งน้ำข้างเคียงโดยด่วนที่สุดแล้ว
นายสมพร ปองไว้ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ ผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมาย เปิดเผยว่า ได้ลงนามในหนังสือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ ที่ ศก 0033 (2)/782 ลงวันที่ 30 พ.ย. 63 เรื่อง ให้หยุดประกอบกิจการโรงงาน แจ้งถึงประธานสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ จำกัด โดยแจ้งว่า จากการที่คณะส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ไปทำการตรวจสอบเรื่องที่ชาวบ้านร้องทุกข์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว พบว่าการรั่วไหลของน้ำเสียออกจากบ่อกักเก็บน้ำเสียภายในบริเวณโรงงานโดยไม่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย ลักษณะดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือความเดือดร้อนอย่างร้ายแรงแก่บุคคลหรือทรัพย์สินที่อยู่ในโรงงานหรือที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงาน
ดังนั้น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.โรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 จึงมีคำสั่งให้สหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ จำกัด หยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมด นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งฉบับนี้เป็นต้นไป
นายสมพรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้แล้วยังได้แจ้งให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานดังนี้ ให้ดำเนินการซ่อมแซมบ่อกักเก็บน้ำเสียโดยด่วน ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับคำสั่ง ให้ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ในการกองเก็บวัตถุดิบกลางแจ้ง โดยต้องมิให้เกิดน้ำเน่าเสียอันเกิดจากการกองเก็บยาง ไหลลงไปรวมในบ่อน้ำที่เกิดการรั่วไหล ให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับแต่ได้รับคำสั่งนี้ และให้บำบัดน้ำเสียที่ยังคงเหลือทั้งหมดในบ่อที่เกิดการรั่วไหลเข้ากระบวนการบำบัดน้ำเสียของโรงงาน ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่ได้รับคำสั่งนี้
ทางด้าน นายวรวิทย์ การุณ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 229/7 หมู่ 11 ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตัวแทนชาวบ้านในเขต ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ และตำบลใกล้เคียงที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ปัญหานี้ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี ได้รับการแก้ไขปัญหาโดยท่าน ผวจ.ศรีสะเกษ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็วมาก ทำให้ชาวบ้านทุกคนไม่ต้องทนทุกข์กับน้ำเสียและกลิ่นเหม็นจากโรงงานนี้อีกต่อไป ตนและชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนทุกคนต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่ได้แก้ไขปัญหาช่วยเหลือชาวบ้านในครั้งนี้