เชียงราย/ท่าขี้เหล็ก - ทั้งคณะกรรมการโรคติดต่อฯ-สสจ.-ทีบีซีเร่งประสานขอชื่อคนไทยใน 1G1-ต้นทางแพร่เชื้อโควิดท่าขี้เหล็ก รวมถึงสถานประกอบการ-แหล่งบันเทิงอื่นฝั่งพม่า เช็กลิสต์คนข้ามแดนผ่านด่านฯ-ช่องทางธรรมชาติ ก่อนตามตัวตรวจโควิดก่อนลามหนัก
ความคืบหน้ากรณีพบกลุ่มหญิงสาวที่มีประวัติลอบข้ามแดนไปทำงาน-ไปเที่ยวสถานบันเทิงในฝั่งท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (พม่า) ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก่อนลอบกลับเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ชายแดน แล้วพบว่าติดเชื้อโควิด-19 รวมจนถึงวานนี้ (2 ธ.ค.) 10 ราย (เชียงใหม่ 3 เชียงราย 3 พะเยา 1 พิจิตร 1 กรุงเทพฯ 1 และราชบุรี 1) จนทำให้หวาดผวากันทั่ว เนื่องจากมีกลุ่มเสี่ยงสัมผัสกระจายตามไทม์ไลน์ผู้ป่วยยืนยันแต่ละรายเป็นวงกว้างนั้น
นายแพทย์ ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เขียงราย กล่าวว่า คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ที่มี นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธาน รวมทั้งคณะกรรมการทีบีซี จึงได้ประสานกับทางการท้องถิ่นพม่าเพื่อขอให้คนไทยกลับเข้ามาตามช่องทางปกติเพื่อรับการตรวจ กระทั่งทำให้กลุ่มคนไทยเดินทางกลับผ่านด่านพรมแดนอย่างต่อเนื่อง
แต่เนื่องจากคนไทยที่อยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็กมีจำนวนมาก แค่โรงแรม 1G1 ก็ได้รับแจ้งว่ามีคนไทยเข้าไปทำงานถึงกว่า 180 คนแล้ว และเนื่องจากมีผู้ที่เคยไปโรงแรมดังกล่าวแล้วลักลอบเดินทางกลับเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติจนพบการติดเชื้อโควิด ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเร่งประสานขอรายชื่อคนไทยที่ข้ามไปทำงานดังกล่าว เพื่อนำมาตรวจสอบได้ว่ายังคงหลงเหลือหรือตกค้างในท่าขี้เหล็กอีกกี่คน เป็นใครบ้าง รวมทั้งมีใครเข้ามาในประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติแล้วแต่ไม่แจ้งหรือไม่ต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) อ.แม่สาย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำหน้าที่ตรวจคัดกรองบุคคลต่างๆ ที่เดินทางจาก จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (พม่า) ผ่านจุดผ่านแดนสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ระบุว่า วานนี้ (2 ธ.ค.) มีคนที่ไปเที่ยว-ไปทำงานในสถานบันเทิงฝั่งท่าขี้เหล็กกลับเข้ามาแล้ว 31 คน เป็นชาย 12 คน หญิง 19 คน โดยทั้งหมดถูกกักดูอาการในสถานที่ที่รัฐกำหนด 14 วัน รวมทั้งได้รับการตราวจหาเชื้อและรอผลตรวจอยู่
อย่างไรก็ตาม จากการประสานงานผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-พม่า หรือทีบีซี ทราบว่ามีคนไทยแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับมาผ่านช่องทางสะพานแห่งนี้อีก 41 ราย และแจ้งผ่านไปทางกระทรวงการต่างประเทศอีก 31 ราย แต่วันนี้ (3 ธ.ค.) จะไม่มีการส่งคนไทยข้ามแดนกลับจากท่าขี้เหล็ก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงเกี่ยวกับการส่งคนข้ามแดนทุกวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ ของสัปดาห์เท่านั้น
เจ้าหน้าที่ชายแดนระบุว่า รวมๆ แล้วมีคนที่ทำงานในโรงแรม 1G1 ซึ่งเป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สำคัญในท่าขี้เหล็ก มีการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นขอกลับประเทศไทยแล้วนับ 100 ราย แต่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ทั้งนี้ วันเดียวกันนี้ พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 มีกำหนดจะเดินทางไปตรวจชายแดนที่ อ.แม่สาย เพื่ออำนวยการเรื่องดังกล่าวด้วย
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดในท่าขี้เหล็กนั้น จนถึงวานนี้ (2 ธ.ค.) พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดรวมกันแล้ว 64 ราย เฉพาะวานนี้วันเดียวพบผู้ติดเชื้อยืนยันถึง 15 ราย ขณะที่ทางการท่าขี้เหล็กมีการคุมเข้ม ทั้งการตั้งด่าน ออกมาตรการเพื่อระงับการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้น แต่เนื่องจากการติดเชื้อช่วงแรกมีศูนย์กลางอยู่ที่สถานบันเทิงภายในโรงแรม ทำให้เชื้อไวรัสเกิดการกระจายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ด้านจังหวัดเชียงราย นอกจากจะพบผู้ป่วยยืนยัน (2 ธ.ค.) 3 รายแล้ว กรณีผู้ป่วยยืนยันสาวชาว อ.จุน จ.พะเยา ที่ลอบข้ามแดนจากท่าขี้เหล็ก-แม่สาย มีไทม์ไลน์เข้าไปเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัล ออนเดอะฮิลล์ 2020 สิงห์ปาร์ค อ.เมืองเชียงราย ในคืนวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาด้วย จนทำให้ผู้คนที่เดินทางไปเที่ยวงานดังกล่าวหวาดผวาพากันไปขอรับการตรวจเชื้อแทบล้นโรงพยาบาลตลอดวานนี้นั้น
นายแพทย์ ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เขียงราย และนายณรงค์ ลือชา หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ได้ร่วมแถลงยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อในเชียงรายที่เป็นหญิงสาวทั้ง 3 รายได้รับการรักษาอยู่ ส่วนผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูงทุกคนได้รับการตรวจหาเชื้อแล้วปรากฏว่าไม่พบการติดเชื้อแต่อย่างใด แสดงว่า ณ ขณะนี้ยังจำกัดการติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่เดินทางเข้ามาจากประเทศพม่าเท่านั้น ไม่ได้แพร่ออกไปสู่คนในพื้นที่แต่อย่างใด
กรณีผู้ป่วยหญิงสาวอายุ 28 ปีชาว จ.พะเยา ที่มีประวัติไปเที่ยวในงานฟาร์มเฟสติวัลฯ คืนวันที่ 29 พ.ย. จนตื่นตระหนกกันทั่ว เพราะสิงห์ปาร์คได้ให้พนักงานทั้งหมดทำงานอยู่ในบ้าน หรือ Work from home โรงเรียนหลายแห่งที่มีนักเรียนไปเที่ยวงานก็ประกาศปิดการเรียนการสอนชั่วคราวด้วย
“ขอแจ้งข้อมูลทางสาธารณสุขที่ถูกต้องว่า ผู้ที่อยู่ภายในงานแม้จะมีหลายพันคน แต่ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ และจากการสอบสวนโรคพบว่าผู้ป่วยโควิดรายนี้เข้าไปนั่งอยู่ในโซนซี 26 ไม่ได้ไปหน้าเวทีและสวมหน้ากากอนามัยตลอด ยกเว้นช่วงดึก ก่อนจะออกมาแล้วพักที่โรงแรมเวลา 05.00 น. ตื่นเวลา 12.00 น. แล้วเดินทางไปเชียงใหม่ โดยแวะตามรายทาง เช่น ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจตามเส้นทางเพื่อแยกแยะกลุ่มเสี่ยงสูงและต่ำต่างๆ แล้ว แต่ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยมากเพราะไปสัมผัสกับบุคคลอื่นๆ น้อยยกเว้นแฟนหนุ่มที่ไปด้วยเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำรถพระราชทานเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย จำนวน 2 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ให้บริการเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อผู้ที่เคยเดินทางไปเที่ยวงานในวัน-เวลาที่ผู้ป่วยยืนยันชาวพะเยาไปเที่ยว 2 จุด คือ ลานหน้าศาลากลาง จ.เชียงราย หลังแรก และภายในสิงห์ปาร์ค