บุรีรัมย์ - ตำรวจค้านให้ประกันนายดาบตำรวจปืนโหดบุกกระหน่ำยิงเมียเก่าสาหัสเพื่อนดับอีก 2 คน แม่ร่ำไห้ไม่ได้ฆ่าแค่ 2 คนแต่พรากอีกหลายชีวิต เผยปมปลิดชีพหมู่เพราะดาบตำรวจระแวงอดีตเมียเป็นชู้กับผู้ตายซึ่งเป็นหุ้นส่วนเปิดร้านอาหารร่วมกัน
กรณีเหตุการณ์เศร้าสลด ด.ต.อร่าม สังข์ชัย อายุ 44 ปี ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.บุกเข้าไปกระหน่ำยิง น.ส.นุจรินทร์ แก้วจัตุรัส อายุ 42 ปี อดีตภรรยาซึ่งเป็นพยาบาลอยู่ รพ.โนนสุวรรณ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงนายจรัญ และนางสมคิด สุขวงศกฎ สองสามีภรรยาซึ่งเป็นเพื่อนของอดีตภรรยาเสียชีวิต ขณะนั่งอยู่ภายในร้านอาหาร “กินข้าว บ้านเพื่อน” ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล ต.โนนสุวรรณ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. คืนที่ผ่านมา
โดยร้านอาหารดังกล่าวเป็นร้านที่ผู้บาดเจ็บและผู้ตายได้ร่วมหุ้นกันเปิด สร้างความแตกตื่นตกใจแก่ลูกค้าที่นั่งดื่มกินในร้าน และประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง ก่อนที่ ด.ต.อร่ามจะเข้ามอบตัวพร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าชนวนเหตุเกิดจาก ด.ต.อร่ามระแวงอดีตภรรยาแอบไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายจรัญ ผู้ตาย จึงตัดสินใจบุกเข้าไปกระหน่ำยิงทั้งสามขณะนั่งอยู่ในร้านอาหาร
ล่าสุดสายวันนี้ (30 พ.ย.) ร.ต.อ.สมคิด ชุ่มเสนา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.โนนสุวรรณ ได้นำตัว ด.ต.อร่าม ผู้ต้องหาออกจากห้องขังมาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ด.ต.อร่ามอยู่ในอาการเครียดหนักจนต้องให้กินยาคลายเครียดเพราะเกรงว่าจะคิดสั้น ระหว่างการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพด้านใน มีเพียงทนายความที่ร่วมฟังการสอบสวนเท่านั้น
โดยตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ส่วนข้อหาอื่นต้องรอการสอบสวนและพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้ง
ส่วน น.ส.นุจรินทร์ อดีตภรรยาของผู้ก่อเหตุ ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ อาการยังน่าเป็นห่วง
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 52 บ้านน้อยอุบล ต.โนนสุวรรณ ซึ่งเป็นบ้านนายจรัญ และนางสมคิด สองสามีภรรยาที่เสียชีวิต ซึ่งญาติพี่น้องและชาวบ้านได้ช่วยกันกางเต็นท์จัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพซึ่งกำลังทำการชันสูตรอยู่ที่โรงพยาบาลโนนสุวรรณ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะนางไพฑูรย์ สุขวงศกฎ อายุ 63 ปี แม่ของนายจรัญ ยังทำใจไม่ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เพราะต้องสูญเสียทั้งลูกชายและลูกสะใภ้พร้อมกัน โดยนางไพฑูรย์กล่าวทั้งน้ำตาด้วยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ฆ่าแค่ 2 คน แต่พรากอีกหลายชีวิต เพราะผู้ตายทั้งสองเป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลหลายชีวิต โดยเฉพาะหลานชาย 2 คนซึ่งกำลังเรียน ก็ต้องกลายเป็นกำพร้าทั้งพ่อและแม่ในคราวเดียวกัน และไม่รู้ว่าหลังจากนี้ใครจะส่งเสียและจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร เป็นห่วงความรู้สึกหลานมาก
ส่วนตัวไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรถึงได้ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้ ก็อยากให้ตำรวจลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุด หากเป็นไปได้ก็อยากให้ตายตกไปตามกัน แต่ก็เห็นใจเพราะอีกฝ่ายก็มีลูกเหมือนกัน
ด้าน น.ส.ชาลี สุขวงศกฎ อายุ 46 ปี พี่สาวนายจรัญ ผู้ตาย เล่าว่า ตนทำมาค้าขายอยู่ต่างจังหวัดนานๆ จะได้กลับมาเยี่ยมบ้าน จึงไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้ฆ่ากันแบบโหดเหี้ยมขนาดนี้ แต่รู้ว่าน้องชายกับน้องสะใภ้หุ้นกับ น.ส.นุจรินทร์ ผู้บาดเจ็บเปิดร้านอาหารร่วมกันได้ประมาณ 1 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นน้องชายเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง จึงไม่แน่ใจว่าจะขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ร้านอาหารหรือไม่
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาระแวงว่าอดีตภรรยาตัวเองจะแอบมีสัมพันธ์กับน้องชายหรือไม่นั้น ตนก็ไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ก็อยากวอนให้เจ้าหน้าที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวด้วย เพราะผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม