เพชรบุรี - ทีมสัตวแพทย์ยิงยาแก้อักเสบให้ช้างป่าป่วยได้สำเร็จ หลังพบช้างออกมากินอาหารริมอ่างกระหร่างสาม อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
วันนี้ (29 พ.ย.) นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายอำเภอแก่งกระจาน ทีมสัตวแพทย์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทหารเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ พร้อมด้วยนายวุฒิพงษ์ ศรีช่วย ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ ชุดกู้ภัย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการเข้าพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำกระหร่างสาม ท้องที่หมู่ 3 ตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ดำเนินการตรวจสอบช้างป่าที่ได้รับบาดเจ็บ ที่พิกัด 47P 0560871 E UTM 1394284 พบเป็นช้างป่าเพศผู้ (สีดอ) โตเต็มวัย จากการสังเกตอาการเห็นบาดแผลบริเวณโคนหางประมาณ 5 จุด โดยสาเหตุเบื้องต้นมาจากการต่อสู้ของช้างในช่วงฤดูผสมพันธุ์และแย่งที่อยู่อาศัย ซึ่งหลังจากเมื่อวานนี้ได้ใส่ยาแก้อักเสบและยาฆ่าเชื้อในกล้วยและขนุนวางไว้ใกล้จุดที่พบช้างตัวดังกล่าว จำนวน 125 เม็ด พบว่า ช้างได้กินขนุนไปบางส่วน
โดยวันนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมกับทีมสัตวแพทย์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เคลื่อนที่ไปรักษาช้างภายนอกพื้นที่เนื่องจากช้างยังมีสุขภาพดี เกิดจากการสนับสนุนแร่ธาตุอาหารและยาปฏิชีวนะที่ให้ผ่านทางอาหารและกล้วย และจากการลงพื้นที่พบช้างตัวที่บาดเจ็บยืนอยู่ริมอ่างน้ำ ทีมสัตวแพทย์ได้ยิงลูกดอกยาฆ่าเชื้อผสมกับยาบำรุงเลือด ระยะยิง 30 เมตร แรงอัดลูกดอก 13 บาร์ และสามารถยิงยาได้สำเร็จ ซึ่งหลังจากนี้ทีมสัตวแพทย์ได้เฝ้าสังเกตและติดตามอาการช้างอย่างต่อเนื่อง ว่าจะมีอาการดีขึ้นหรือไม่
ส่วนที่เลือกวิธีการยิงยาปฏิชีวนะให้ช้างเนื่องจากสภาพพื้นที่มีข้อจำกัดเป็นพื้นที่ริมน้ำไม่สามารถปฏิบัติงานได้สะดวก อีกทั้งยังเป็นที่รกอาจจะมีการซุ่มของช้างตัวอื่นซึ่งอาจจะเกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้
สำหรับการติดตามเฝ้าระวังรักษาช้างป่าในวันพรุ่งนี้ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจะเข้าพื้นที่เพื่อติดตามต่อไป
พร้อมกันนี้ ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโดยนายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมกับนายอำเภอแก่งกระจาน และ อบต.ป่าเด็ง องค์กร wcs ได้มอบเสบียงข้าวสารอาหารแห้งให้เจ้าหน้าที่ชุดติดตามเฝ้าระวังดูแลช้างป่าและทีมสัตวแพทย์ได้นำไปใช้ในขณะที่เฝ้าดูแลและรักษาช้างป่าที่บาดเจ็บ พร้อมร่วมปรึกษาหารือขอความร่วมมือจากชุมชนให้ช่วยสอดส่องดูแลและติดตามเฝ้าระวังในพื้นที่ พร้อมกำชับชาวบ้านที่เข้ามาทำประมงในพื้นที่ให้ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลช้างป่า และขอให้แจ้งตำแหน่งที่พบช้างกับเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อความสะดวกในการเฝ้าติดตามดูอาการช้างที่บาดเจ็บต่อไป