เชียงใหม่ - เชียงใหม่ผวาทั้งเมืองหลังพบสาววัย 29 ปี ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสัมผัสเสี่ยงกว่า 300 คน เสียงสะท้อนลั่นโลกโซเชียลฯ หวั่นเชื้อแพร่ ทำเศรษฐกิจและท่องเที่ยวพัง รุมสวดยับไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม คาใจปล่อยให้ลักลอบข้ามเข้าออกชายแดนได้อย่างไรทั้งที่มีการคุมเข้ม
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า หลังจากที่ทางกรมควบคุมโรคยืนยันว่าหญิงวัย 29 ปี ที่เชียงใหม่ ซึ่งลักลอบไปทำงานในฝั่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) แล้วลักลอบกลับเข้ามาทางจังหวัดเชียงราย และมาที่จังหวัดเชียงใหม่ แถมยังไปเที่ยวสถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า ทั้งๆ ที่รู้ตนเองมีอาการป่วยและอยู่ในกลุ่มเสี่ยง จนกระทั่งเข้าตรวจ และพบเชื้อในที่สุด ทำให่ช่วง 3 วันที่ผ่านมาหลายหน่วยงานที่เกี่ยวต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อควบคุมโรค โดยเฉพาะค้นหากลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดเพื่อนำมาคัดกรอง และกักโรค จากกรณีนี้ส่งผลให้ชาวเชียงใหม่จำนวนมากเกิดความตระหนกกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับตั้งรับด้วยการป้องกันตนเองและครอบครัวด้วยการงดออกไปทำกิจกรรมตามจุดเสี่ยง
โดยเฉพาะตามไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อรายนี้ และเกิดเสียงสะท้อนขึ้นมา โดยในโลกออนไลน์ที่เป็นอีกช่องทางที่จะระบายความรู้สึกได้ หลายคนตั้งคำถามเรื่องของเส้นทางที่หญิงรายนี้ลักลอบเข้าออกประเทศไปยังฝั่งเพื่อนบ้านเพื่อทำงาน และยังสามารถลักลอบกลับเข้ามาผ่านมาตรการทางด่านชายแดนของจังหวัดเชียงรายได้อย่างไร ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่เข้มงวด, มีจุดบกพร่องตรงไหน และใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าทั้ง 2 ประเทศปิดประเทศ และสถานการณ์การแพร่ระบาดในพม่านั้นยังรุนแรงกว่าไทยมาก
ขณะเดียวกันก็มีหลายคนเริ่มตัดพ้อกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นว่าอาจจะรุนแรงไปถึงขั้นปิดเมืองหรือไม่ และการแพร่ระบาดของโรคที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้สัมผัสใกล้ชิดจะรุนแรงไปขั้นไหน เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และฤดูท่องเที่ยวซึ่งที่ผ่านมากำลังคึกคักขึ้นและกำลังจะเป็นช่วงที่กำลังจะลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่ก็ต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ที่อาจจะส่งผลกระทบหนักอีกครั้ง บางคนเริ่มทวงถามความรับผิดชอบหากต้องทำให้เกิดวิกฤตต้องปิดเมืองอีกครั้งว่ารัฐบาลจะเตรียมมาตรการเยียวยาอย่างไร
อย่างไรก็ตาม หลังจากพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มในพื้นที่ ประชาชนชาวเชียงใหม่เอง รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเชียงใหม่ต่างก็ทราบข่าวอย่างรวดเร็ว ก็เริ่มมีมาตรการป้องกันตนเองขึ้นด้วยการลดไปยังจุดเสี่ยงต่างๆ ทั้งตามไทม์ไลน์ของผู้ป่วย และจุดที่มีผู้คนแออัด สวมหน้ากากอนามัยกันแม้ว่าที่ผ่านมาอาจจะผ่อนคลายลงไป แต่ช่วงนี้สังเกตได้ชัดว่าทุกคนจะมีหน้ากากอนามัยสวมใส่เสมอ ขณะที่ตามสถานที่ต่างๆ ก็เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการตรวจคัดกรอง วัดไข้ และเตรียมแอลกอฮอล์ล้างมือบริการผู้ที่จะเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่สำคัญยังต้องติดตามรายงานข่าวสารเรื่องของสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดในตอนนี้
