นครปฐม - ย่าน้องแอมป์ ที่เสียชีวิตจากคมมีดจิตรดา สาวป่วยจิตมือแทงเด็กเซ็นโยเซฟ สาหัส 4 ราย วอนสังคมช่วยเหลือหลังถูกลูกเลี้ยงออกอุบายหลอกเงิน 1.6 ล้านบาท เผยเคยคิดฆ่าตัวตายและห่วงหลานสาว เดินหน้าไปหน่วยงานรัฐแจ้งไม่มีทางช่วย ได้แต่ข้าวสารกับปลากระป๋องกลับบ้าน ไร้ทุนทำกินเลี้ยง 5 ชีวิต ไม่มีข้าวแม้จะประทังชีวิต
ผู้สื่อข่าวได้รับการแจ้งจาก นางสาลี่ อวนมินทร์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ม.9 ต.สระกระเทียม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เป็นย่าของ ด.ญ.ทิพรดา หอมสุวรรณ หรือน้องแอมป์ เด็กหญิงที่เสียชีวิตจากเหยื่อคมมีดของ น.ส.จิตรลดา ตัณติวณิชบุตร อายุ 51 ปี เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าครอบครัวกำลังประสบปัญหาชีวิตอ่างหนัก เนื่องจากถูกลูกเลี้ยงหลอกให้โอนเงินไปให้กว่า 1.6 ล้านบาท โดยอ้างว่าไปวิ่งคดีที่ถูกจับกุมหลังจากนำรถที่ยังติดสัญญาซื้อจากไฟแนนซ์ไปจำนำต่ออีกครั้ง
ซึ่งหลังแจ้งความได้มีผู้เสียหายที่เป็นทั้ง เน็ตไอดอล รวมถึงกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้ติดต่อเข้ามาว่าถูกหลอกเงินไปเช่นกันจำนวนนับสิบรายตกเป็นเหยื่อของ น.ส.มิว (นามสมมติ) มาแสดงตัว และรวมตัวไปแจ้งความที่กองบังคับการตำรวจกองปราบปรามเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถเอาผิดได้
นางสาลี่ หรือย่าติ๋ม บอกว่า หลังจากที่ตนเองได้ถูก น.ส.มิว หลอกว่าถูกจับในคดีเกี่ยวกับการจำนำรถ เงินเก็บก้อนแรกประมาณ 4 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้รับการชดเชยจากการที่ น้องแอมป์ ถูกแทงเสียชีวิต ได้ถูกโอนไปให้เพราะสงสารลูกเลี้ยงที่ถูกจับกุม โดยมีการสร้างเรื่องมีการแอบอ้างตุ๊กตาเป็นทนายความมาคุยเรื่องคดีจนตนเองเชื่อใจก็ทยอยโอนไปให้จนหมด
ต่อมา น.ส.มิว ได้หลอกให้ตนเองไปกู้เงินจากคนอื่นรอบตัวที่เป็นญาติ คนรู้จัก และกู้จากเงินกู้นอกระบบอีกหลายราย รวมทั้งหมดกว่า 10 ราย เป็นเงิน 1.2 ล้านบาท ซึ่งต้องสูญทรัพย์ไปกว่า 1.6 ล้านบาท ทุกวันนี้ต้องใช้หนี้รายวัน ขั้นต่ำ 1.8 พันบาท ซึ่งมีต้นทุนในการซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารตามสั่งขายวันละ 2.3 พันบาท และจะเหลือกำไรวันละ 300 บาท ที่นำมาเลี้ยง 5 ชีวิต โดยวันนี้เงินที่ได้กู้ยืมมาเพื่อทำทุนรายวันได้หมดลงแล้ว เหลือติดตัว 2 พันบาทเป็นต้นทุนทำอาหารพรุ่งนี้ และเงินติดธนาคาร 120 บาทจะหมดลงในอาทิตย์หน้า ตนเองยังไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครเพราะหมดปัญญาจริงๆ
นางสาลี่ บอกอีกว่า เมื่อ 2-3 วันก่อนตนเองได้หยุดร้านเพื่อไปเข้าตามหน่วยงานราชการสำหรับขอสอบถามเกี่ยวกับความช่วยเหลือต่างๆ ทั้งศูนย์ดำรงธรรม สำนักงานยุติธรรมจังหวัด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และศูนย์คนพิการ รวมถึงเข้าพบกับนายอำเภอนครชัยศรี เพื่อหารือแต่ปรากฏว่าทุกหน่วยงานบอกว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้ ได้แต่ข้าวสารมา 5 กิโลกรัม ผักดองกระป๋อง 5 กระป๋อง และปลากระป๋อง 10 กระป๋องเท่านั้น
"มีหลายครั้งที่คิดสั้นว่าจะจบปัญหาไป แต่ก็คิดถึงหลานคนเล็กที่เป็นพี่สาวของน้องแอมป์ ที่ยังเรียนแค่ชั้น ป.1 ถ้าเราตายก็จะไม่มีคนดูแล เพราะเราเป็นหัวเรือหลักในครอบครัว ส่วนสามีนั้นขาขาดพิการทำงานไม่ไหว ส่วนลูกชายที่เป็นพ่อของน้องแอมป์ ก็ยังตกงานกำลังจะเร่งหางานมาช่วยกันเพื่อมาใช้จ่ายและใช้หนี้สินให้ได้ไปก่อน แต่ตอนนี้เงินไม่มีแล้วอยากได้เงินมาเป็นทุนขายข้าวตามสั่งและใช้ในชีวิตประจำวัน" นางสาลี่ กล่าว
นางสาลี่ บอกต่อว่า ส่วนเรื่องคดี ตอนแรก น.ส.มิว ได้ไปให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและสารภาพในชั้นสอบสวน แต่เมื่อไปขึ้นศาลได้ไปกลับคำให้การอ้างว่าได้โอนเงินมาคืนแล้ว โดยที่ผ่านมา ได้เงินคืนมาเพียง 1.3 แสนบาท ซึ่งเงินตรงนั้นหมดไปแล้วเพราะเอามาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายวันไปหมด สิ้นเดือนนี้รถกระบะที่ใช้ค้าขายก็จะถูกยึด และทางน.ส.มิว ทุกวันนี้ก็ยังใช้ชีวิตกินเที่ยวกลางคืนปกติ
"วันนี้ถ้าสังคมจะพอช่วยได้ตนเองอยากให้มาช่วยอุดหนุนข้าวที่ขายอยู่ที่หน้าที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.วัดแค อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อมีรายได้ดูแลคนในครอบครัวและใช้หนี้ให้แก่เจ้าหนี้ คนที่ใจบุญให้โทร.มาถามตนเองได้ที่เบอร์ 08-5428-0492, 09-8268-6693