ศูนย์ข่าวศรีราชา - รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ในพิธีปักหมายเขตวิสุงคามสีมาวัดตโปทาราม ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี หลังมีคุณสมบัติครบตามระเบียบ พร้อมขอพระราขทานให้ปักหมายเขตวิสุงคามสีมาได้
วันนี้ (19 พ.ย.) นายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ในพิธีปักหมายเขตวิสุงคามสีมาวัดตโปทาราม ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีนางสุชาดา มุ่งงานครู นักวิชาการศาสนาชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรี กล่าวรายงาน
วัดตโปทาราม ได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2563 โดยมีขนาดความกว้าง 30 เมตร ยาว 50 เมตร เพื่อให้การดำเนินการและสามารถประกอบสังฆกรรมถูกต้องตามพระธรรมวินัย จึงได้ประกอบพิธีปักหมายเขตวิสังคามสีมา ในวันพฤหัสบดีที่ 19 เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช 2563 ซึ่งได้รับความเมตตาอย่างสูงยิ่งจากพระเดชพระคุณพระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ประธานฝ่ายสงฆ์ และนายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุร ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ ท่านภูกริช แก้วอรุณ ปลัดอำเภอศรีราชา ผู้แทนท่านนายอำเภอศรีราชา นายสมศักดิ์ เกตุวัตถา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพระ พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนร่วมเป็นสักขีพยาน การประกอบพิธีปักหมายเขตวิสุงคามสีมา ของวัดตโปทาราม ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี แห่งนี้ ซึ่งจะกล่าวถึงความเป็นมาและความสำคัญของวิสุงคามสีมา ดังนี้
วิสุงคามสีมา หมายถึง เขตที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่สงฆ์เพื่อใช้เป็นที่สร้างอุโบสถ ให้สงฆ์ใช้ประกอบสังฆกรรม พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก พระองค์มีพระราชประสงค์ถวายอุปถัมภ์แด่คณะสงฆ์ จึงทรงพระราชทานวิสุงคามสีมา ปัจจุบันการขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัด ดำเนินการตามกฎกระทรวงการสร้าง การตั้ง การรวม การย้าย และการยุบเลิกวัด การขอพระราชทานวิสุงคามสีมา การยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา พุทธศักราช 2559 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2535
ความว่า “วัดใดได้สร้างขึ้นหรือได้ปฏิสังขรณ์จนเป็นหลักฐานถาวรและมีพระภิกษุอยู่ประจำไม่น้อยกว่าห้ารูปติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี หากประสงค์จะขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา ให้เจ้าอาวาสแห่งวัดนั้นรายงานการขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาไปยังผู้อำนวยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด
เมื่อผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ได้รับรายงานการขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา ให้ขอความเห็นจากเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ นายอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัดที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอรายงานพร้อมความเห็นเห็นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาเห็นสมควรให้วัดขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา ให้เสนอรายงานต่อไปยังเจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่ และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จากนั้นกราบทูลสมเด็จพระสังฆราชเพื่อทรงอนุมัติ แล้วเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาต่อไป