เชียงใหม่ - “หมอวรงค์” นำไทยภักดีเชียงใหม่ประกาศปกป้องสถาบัน ระบุชัดเรียกร้องแก้ รธน.หวังหมกเม็ดล้มล้างสถาบัน ฉะ ILaw รับเงินต่างชาติอย่าสะเหร่อมาเสนอร่าง ชี้เปิดทางให้ประเทศไทยถูกแทรกแซง
วันนี้ (15 พ.ย. 63) ที่ห้องประชุม ณวิพารีสอร์ทเชียงใหม่ ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จัดโครงการอบรมเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับรัฐธรรมนูญ โดยมี นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี บรรยายพิเศษเรื่อง สถาบันกับรัฐธรรมนูญไทย พร้อมแนะนำคณะกรรมการกลุ่มไทยภักดีและกลุ่มไทยภักดีเชียงใหม่ ซึ่งมีประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เข้าร่วมจำนวนมาก โดยประเด็นที่มีการพูดคุยกันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปกป้องสถาบันเนื่องจากพบว่ามีความพยายามที่จะล้มล้างสถาบันผ่านการชุมนุมเคลื่อนไหวที่ให้นักเรียนนักศึกษาเป็นแกนนำและการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ นายแพทย์ วรงค์เปิดเผยว่า การร่วมเวทีในครั้งนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่พบว่ามีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก และต่างแสดงจุดยืนตรงกันว่ามีความจงรักภักดีพร้อมจะปกป้องสถาบันจากความพยายามของคนบางกลุ่มที่ต้องการจะล้มล้าง ซึ่งในเวทีครั้งนี้ได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องความสำคัญของสถาบันและนำข้อเท็จจริงเรื่องรัฐธรรมนูญมาพูดคุยกันให้เข้าใจพร้อมร่วมกันปกป้อง
สำหรับการนัดชุมนุมเคลื่อนไหวที่รัฐสภาในวันที่ 17 พ.ย. 63 นั้น เพื่อเป็นการเน้นย้ำว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันนี้มาจากการประชามติ 16.8 ล้านเสียง ซึ่งความพยายามที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเวลานี้นั้น เชื่อว่าเป็นเจตนาแก้ไขเพื่อที่จะล้มล้างสถาบันและเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ทุจริต ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติในระยะยาว แต่ย้ำและยอมรับว่าหากมีข้อบกพร่องในประเด็นใดๆ สามารถแก้ไขได้เป็นประเด็นไป โดยพูดคุยหารือกันอย่างมีเหตุผล
นอกจากนี้ ในส่วนร่างรัฐธรรมนูญฉบับของ ILaw ที่มีการนำเสนอนั้น นายแพทย์ วรงค์ระบุว่า แค่พิจารณาจากตรรกะที่ว่าที่มาของเงินทุนในการเคลื่อนไหวทำกิจกรรมของ ILaw เป็นการรับเงินจากต่างชาติมาดำเนินการเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญของประเทศไทยก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้ว เพราะเป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงผ่านการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งผิดหลักการและไม่สมควรอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน นายแพทย์ วรงค์กล่าวถึงการเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มเยาวชนนักเรียนนักศึกษาในเวลานี้ว่า เบื้องต้นมองว่าข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมไม่สมเหตุสมผล และจับสังเกตได้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังมีเจตนามุ่งที่จะนำปฏิวัติประชาชนโดยใช้เด็กเยาวชนเป็นเครื่องมือ ซึ่งมองว่าสังคมไทยเริ่มมองเห็นและเข้าใจมากขึ้นแล้ว หากประชาชนได้รับความรู้ ได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงและเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย
