อุทัยธานี - สายแซ่บต้องไม่พลาด..ลูกค้าชาวอุทัยฯ การันตี “ส้มตำบ่าวต้อม ไก่ย่างหนองคาย” ได้ลองเป็นต้องร้องว้าว ทั้งรถชาติ ปริมาณ ราคา 25-200 บาท ขาประจำแน่นร้านกว่า 8 ปี วันหยุดต้องโทร.จองก่อน
นอกจากส้มตำไก่ย่างวิเชียรบุรี..ที่ได้ชื่อเป็นแบรนด์ริมทางที่ปรากฏให้เห็นทั่วทุกหัวระแหงแล้ว สำหรับคอส้มตำสายแซ่บชาวอุทัยธานี ถามใครแล้วเป็นต้องบอกว่ายังมีอีกหนึ่งร้านส้มตำไก่ย่างในดวงใจ นั่นคือ “ส้มตำบ่าวต้อมไก่ย่างหนองคาย” ริมถนนเส้นอุทัยธานี-มโนรมย์ ขวามือทางไปวัดจันทาราม หรือวัดท่าซุง
เมื่อแวะเวียนไปก็จะพบว่าภายในร้านมีลูกค้าทั้งในและต่างจังหวัดเข้ามารับประทานกันแน่นร้านทุกวัน ยิ่งช่วงวันหยุดต้องโทรศัพท์จองโต๊ะนั่งกันเลยทีเดียว ด้วยรสชาดติที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน บวกกับตำตามสั่งได้ไม่เปลี่ยน แถมยังให้ปริมาณที่เยอะมาก-ราคาไม่แพง เริ่มต้นที่ 25 บาท ไปจนถึง 200 บาท จึงทำให้มีลูกค้าเหนียวแน่นแบบนี้มากว่า 8 ปีอีกด้วย
เมนูขึ้นชื่อของร้านก็คือ ตำถาดยักษ์ทะเลเดือด ที่มีทั้งกุ้งตัวโต พร้อมปลาหมึก หอยแครง กุ้งแห้งคัดไซส์ใหญ่ หอยแมลงภู่ใหญ่ ที่ใส่แบบจัดเต็ม เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงอย่างไข่ต้ม หมูย่าง ปลากรอบ แคบหมู ไส้กรอก ปูอัด หมูยอ ขนมจีน และข้าวโพด ในราคาเพียง 200 บาท ซึ่งจานนี้สามารถรับประทานได้ตั้งแต่ 5-8 คน รวมไปถึงไก่ย่างสูตรเฉพาะจากหนองคาย ที่แต่ละวันนั้นต้องย่างเตาถ่านไม่ต่ำกว่า 100 ตัว ขายในราคาตัวละ 140 บาท ครึ่งตัว 70 บาท
ส่วนเมนูส้มตำอื่นๆ นั้นเริ่มต้นที่ 25-50 บาท ไม่ว่าจะเป็นตำป่า ตำซั่ว ตำหอยแครง ตำหอยดอง ตำไทย ตำปูปลาร้า ตำแตง ตำไข่เค็ม ตำลาว ตำข้าวโพด ตำผลไม้ ตำหมูตกครกไหล ต้มแซ่บ ก้อย ลาบ ยำ ซกเล็ก แกงอ่อม ซุปหน่อไม้ และอีกหลายเมนูตำรวมกว่า 45 เมนู ส่วนข้าวเหนียวจะอยู่ที่ราคา 5 บาท
“น้ำปลาร้า” ก็ยังเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านที่ทำเองและเป็นปลาร้าที่ต้มสุกแล้วก่อนนำมาปรุงให้ลูกค้าได้รับประทาน
นายวิทยา ถาวงกวาง หรือบ่าวต้อม อายุ 33 ปี เจ้าของร้านฯ เล่าว่า เป็นคนหนองคาย ก่อนหน้านี้ตนและภรรยาประกอบอาชีพรับจ้างทำสวนปาล์มอยู่ที่กระบี่ แต่ด้วยงานสวนเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก ต้องแบกปาล์ม จึงอยากเปลี่ยนอาชีพเพราะกลัวว่าถ้าอายุมากกว่านี้จะทำต่อไปอีกไม่ไหว ประกอบกับพี่ชายตนมาเปิดร้านขายส้มตำอยู่ที่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี จึงมาลองช่วยพี่ขายส้มตำก่อน
ต่อมาจึงตัดสินใจแยกตัวออกมาเปิดร้านมุงแฝกเล็กๆ กับภรรยา ขายส้มตำไก่ย่างในเมืองอุทัยธานี ซึ่งที่ตั้งร้านเดิมนั้นอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนกับร้านปัจจุบัน ด้วยความตั้งใจที่ว่าลูกค้าจ่ายเงินแล้วต้องอิ่มท้องและคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย เพราะเงินนั้นต่างก็หากันมาได้ด้วยความยากลำบาก ที่ร้านจึงคัดสรรแต่วัตถุดิบที่สดใหม่ และสะอาด ให้ในปริมาณที่คุ้มค่า ตั้งราคาขายที่ลูกค้าสามารถรับประทานได้แบบสบายใจ แม้จะได้กำไรไม่มาก แต่เราก็สุขใจที่ได้ทำ และมีความสุขที่เห็นลูกค้าชอบในรสมือที่เราทำ และพากันมาอุดหนุนอย่างเหนียวแน่นมาโดยตลอด
กระทั่งตน และภรรยาสู้ชีวิตจนประสบความสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้น เก็บเล็กผสมน้อยจนสามารถเช่าที่ดินเปิดร้านใหญ่ได้สมใจหวัง แต่ยังคงขายราคานี้ต่อไปไม่เปลี่ยน และไม่ลดปริมาณลง แม้จะมีช่วงที่วัตถุดิบขึ้นราคาก็ตาม
