ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ ชี้นโยบายการเมืองที่ยืดหยุ่นของ ปธน.สหรัฐฯ คนใหม่อาจกระทบตลาดส่งออกเนื้อไก่ไทยในจีน ที่สุดท้ายเสี่ยงเจอของถูกตีตลาด ส่วนปัญหาการเมืองไทย เชื่อแม้นายกฯ ลาออกก็แก้ ศก.ไม่ได้เหตุผลจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
วันนี้ (10 พ.ย.) ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ของประเทศ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ซึ่งก็คือ นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ว่านโยบายทางการเมืองและนโยบายระหว่างประเทศที่ยืดหยุ่นกว่าประธานาธิบดีคนเก่าแม้จะไม่มีผลต่อการส่งออกเนื้อไก่ไทยไปยังสหรัฐฯ แต่ก็เชื่อว่าภาคการส่งออกอื่นๆ ของไทยจะดีขึ้น
“การดำเนินนโยบายต่างประเทศที่น่าจะผ่อนคลายลงจะทำให้หน่วยงานทางการค้าของไทยมีโอกาสได้เข้าพูดคุยด้วยหลักเหตุและผลที่น่าจะทำให้ปัญหาการถูกตัด GSP ทางการค้าเบาบางลง แต่สิ่งเมืองไทยต้องระวังคือ เรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เพราะสหรัฐฯ ให้ความสำคัญและผู้ที่จะเข้าไปเจรจาต้องมีลูกเล่นและมีวาทศิลป์ที่จะทำให้สหรัฐฯ เห็นความสำคัญของไทย”
ทั้งมาตรการทางการค้าที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปอาจทำให้ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยต้องระวังเรื่องการถูกตีตลาดส่งออกไปยังประเทศจีน ที่มีกำลังซื้อสูงมาก เนื่องจากสหรัฐฯ มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนวัตถุดิบด้านอาหารสัตว์ที่สามารถปลูกได้เองโดยเฉพาะข้าวโพด และการมีฟาร์มเลี้ยงไก่จำนวนมากจนกลายเป็นประเทศที่มีการผลิตเนื้อไก่มากเป็นอันดับ 1 ของโลก ทำให้สามารถส่งออกสินค้าได้ในราคาถูกกว่า
เผยตัวเลขส่งออกเนื้อไก่ปี 63 ทะลุแสนล้านแม้เจอวิกฤตรอบด้าน
ส่วนตัวเลขการส่งออกเนื้อไก่ไทยในปี 63 เชื่อว่าจะยังเติบโตทะลุเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 10-20% แม้ในปีนี้ประเทศไทยจะเจอทั้งวิกฤตเศรษฐกิจโลก และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่จากความสามารถในการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และจีนที่มีความต้องการสูง สวนทางกับการบริโภคภายประเทศที่กำลังซื้อจะตกต่ำ ทำให้ยอดการส่งออกเนื้อไก่ไทยมีมากกว่า 1 แสนตัน และมีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 1 แสนล้านบาท
ดร.ฉวีวรรณ ยังเผยอีกว่า สิ่งที่สมาคมฯพยายามย้ำเตือนผู้ประกอบการคือ การรักษามาตรฐานการผลิตเพื่อรับมือการค้าในปีหน้า รวมทั้งการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกที่จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด เช่นเดียวกับการดูแลความสะอาดเรื่องน้ำที่ใช้ในฟาร์มป้องกันโรคระบาด สร้างความมั่นใจให้แก่คู่ค้าในตลาดต่างประเทศ
ชี้ปัญหาการเมืองแม้นายกฯ ลาออกก็ไม่ช่วยให้ ศก.ดีขึ้น
ดร.ฉวีวรรณ ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาการเมืองโดยเฉพาะการประท้วงที่ยืดเยื้อว่า ย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่มาตั้งแต่เมื่อครั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถส่งออกสินค้าไปต่างประเทศได้ รวมทั้งนักท่องเที่ยวก็ไม่สามารถเดินทางเข้าออกประเทศจนส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“วันนี้ต่อให้นายกฯ ลาออก หรือยุบสภา ก็แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้เพราะวิกฤตเศรษฐกิจของไทยเป็นผลจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ประชาชนหรือผู้ประกอบการจึงไม่ควรตั้งความหวังว่าจะต้องพึ่งนายกฯ หรือรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา แต่จะต้องหันกลับมาพึ่งพาตนเองในการทำมาหากินให้มากที่สุด”
ที่สำคัญการปิดตัวของโรงงานหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา ไม่ใช่เกิดจากปัญหาขาดทุนแต่เป็นเพราะผู้ประกอบต้องการย้ายฐานผลิตไปอยู่ในประเทศที่ปัญหาน้อยกว่าไทย และต้นทุนดำเนินงานถูกกว่าอย่างประเทศเวียดนาม
“วันนี้ภาคอุตสาหกรรมยังต้องเจอกับปัญหาขาดแคลนแรงงานจากการไม่สามารถกลับเข้าไทยได้เนื่องจากปัญหาโควิด-19 ซึ่งในส่วนของ ฉวีวรรณ กรุ๊ป เราแก้ปัญหาด้วยการหันมาใช้เครื่องจักรให้มากขึ้น หรืองานบางส่วนที่โรงงานขนาดเล็กสามารถทำได้ ก็ส่งงานไปให้เพื่อให้ทันกับความต้องการในต่างประเทศ”
ดร.ฉวีวรรณ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ปัญหาการไม่ปล่อยกู้ของแบงก์พาณิชย์ ยิ่งถือเป็นการซ้ำเติมการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทย แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการทำได้คือ การวางแผนบริหารธุรกิจให้ดีเพื่อประคองตัวให้อยู่รอดแทนการรอรับความช่วยเหลือจากส่วนต่างๆ