xs
xsm
sm
md
lg

เชียงใหม่วุ่น! สสจ.พบกลุ่มเสี่ยง 39 รายเคสชายอินเดียติดโควิด-19 ตระเวนเที่ยว รอผลคืนนี้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - สสจ.เชียงใหม่เผยความคืบหน้าสอบสวนโรคเคสชายอินเดียติดเชื้อโควิด-19 พบในพื้นที่มีกลุ่มเสี่ยงสูงและต่ำรวม 39 ราย เก็บตัวอย่างเชื้อส่งตรวจแล้วจะทราบผลคืนนี้ (9 พ.ย. 63) ย้ำยังไม่พบระบาด วอนอย่าตื่นตระหนก


วันนี้ (9 พ.ย. 63) ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์ จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงถึงความคืบหน้าในการดำเนินการของทีมสอบสวนโรคของ สสจ.เชียงใหม่ กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขแจงความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย 1 ราย เป็นเพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 37 ปี อาชีพพนักงานในร้านอาหาร จังหวัดกระบี่ ขณะนี้ผู้ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลกระบี่ อาการทั่วไปปกติ ไม่มีไข้ ไอเล็กน้อย ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ 290 ราย ยังไม่พบการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

โดยผู้ป่วยรายนี้ตรวจพบเชื้อจากการตรวจสุขภาพเพื่อขอใบอนุญาตทำงาน (work permit) โดยได้ทำการตรวจ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ที่โรงพยาบาลเอกชนและผลตรวจยืนยันของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11/1 จังหวัดภูเก็ตพบเชื้อเช่นกัน แต่ผลการตรวจบ่งชี้ว่าน่าจะมีปริมาณเชื้อน้อยมาก และได้เก็บตัวอย่างตรวจ RT-PCR ซ้ำครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ผลไม่พบเชื้อ ประกอบกับผลการตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด-19 ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันชนิด IgG ซึ่งช่วยยืนยันการติดเชื้อจริง แต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยได้ติดเชื้อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์แล้ว เนื่องจากผลตรวจภูมิคุ้มกัน IgM เป็นลบ ข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นว่าผู้ป่วยมีโอกาสต่ำมากที่จะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นในระหว่างการเดินทางในจังหวัดเชียงใหม่ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2563

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประสานจากกรมควบคุมโรคถึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยรายดังกล่าว จึงส่งทีมสอบสวนโรคของ สสจ.เชียงใหม่ ร่วมกับ สคร.1 ลงพื้นที่สอบสวนโรค และติดตามผู้สัมผัสในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวเดินทางพร้อมกับเพื่อนชาวไทย จำนวน 1 ราย วันที่ 30 ตุลาคม 2563 ได้เดินทางเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่โดยเครื่องบิน เที่ยวบิน FD3167 นั่งแท็กซี่ไปโรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่ และเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อนชาวไทย วันที่ 31 ต.ค. 2563 เช่ารถยนต์ขับจากโรงแรมในเชียงใหม่ไปสุโขทัย พร้อมกับเพื่อนชาวไทย วันที่ 1 พ.ย. 2563 ขับรถยนต์กลับเชียงใหม่และเที่ยวในเมือง และเข้าพักที่โรงแรมเดิม วันที่ 2 พ.ย. 2563 คืนรถเช่าที่สนามบินเชียงใหม่ และเดินทางกลับภูเก็ตกับเพื่อนชาวไทย เที่ยวบิน FD3168

สำหรับผลการติดตามผู้สัมผัสในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 1 ราย เป็นพนักงานขับรถแท็กซี่ และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 20 ราย ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ในท่าอากาศยานเชียงใหม่ และจากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่โรงแรมและตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 1 ราย เป็นพนักงานขับรถของโรงแรม และเสี่ยงต่ำ จำนวน 13 ราย ซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับ และพนักงานทำความสะอาด 

นอกจากนี้ยังได้มีการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่บริษัทรถเช่าเชียงใหม่ พบผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอีก 4 ราย เป็นการสัมผัสระหว่างรับ-ส่งรถเช่า รวมมีผู้สัมผัสทั้งเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำทั้งสิ้น 39 ราย และได้รับการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อก่อโรค COVID-19 ในวันที่ 9 พ.ย. 2563 ขณะนี้กำลังรอผลการตรวจซึ่งผลทั้งหมดจะออกราว 20.00 น. วันนี้


ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กำลังตรวจสอบผู้สัมผัสจากกล้องวงจรปิดของสถานบันเทิงที่ผู้ป่วยได้เดินทางไป และยังได้ส่งข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงป้ายทะเบียนรถเช่า เพื่อให้ตำรวจได้ตรวจสอบการเดินทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติมต่อไป

ขณะเดียวกัน นายแพทย์ จตุชัยระบุว่า เนื่องด้วยในขณะนี้ยังไม่พบการระบาดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงสถานที่ที่ผู้ป่วยรายดังกล่าวได้เดินทางไป และยังอยู่ในระหว่างรอผลการตรวจหาเชื้อของผู้สัมผัสที่เหลือ หากพบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทางทีมสอบสวนโรคจะมีการประกาศเพื่อค้นหาผู้สัมผัสรายต่อไปตามมาตรการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ การปฏิบัติตัวประชาชนที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยรายนี้ให้เฝ้าระวังตนเอง สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน หากมีอาการให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านพร้อมบอกประวัติ

นอกจากนี้ ขอความร่วมมือประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่อย่าตื่นตระหนก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการควบคุมป้องกันโรคตามมาตรการอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทุกคนยังคงต้องอยู่กับโควิด-19 ไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดเปรียบเสมือนวัคซีนช่วยป้องกันการติดเชื้อคือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เข้ารับบริการสถานที่ต่างๆ ลงทะเบียนด้วย “ไทยชนะ” ทุกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น