อุดรธานี - เผยหนึ่งในเหยื่อวงแชร์ “บ้านแชร์แม่แหม่ม” เครียดจัดที่เงินแสนถูกโกงจนถึงกับแท้งลูก ด้านตำรวจแนะผู้เสียหายรีบเข้าแจ้งความ พร้อมตั้งทีมสอบสวนเพิ่มอาจเข้าข่ายคดีฉ้อโกง ขณะที่เท้าแชร์เปิดใจที่วงแชร์ล่มเพราะลูกแชร์อันดับต้นๆ หอบเงินหนีรวมหลายล้านบาท
จากกรณีมีผู้เสียหายหลากหลายอาชีพกว่า 50 ราย ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาใน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เข้าแจ้งความว่าถูกเท้าแชร์ชื่อ “บ้านแชร์แม่แหม่ม” ใช้สื่อโซเชียลเชิญชวนโน้มน้าวคนที่รู้จักตั้งวงแชร์รายวัน แยกวงแชร์หมุนเงินเล่นหลายสิบวง สุดท้ายหลอกเอาเงินแล้วเชิดหนี รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท สร้างความเดือดร้อนแก่ลูกแชร์ที่สูญเงินหลักหมื่นหลักแสนกันเป็นอย่างมาก
ร.ต.อ.เอกชัย คนคม พนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายแชร์บ้านแม่แหม่มเข้ามาแจ้งความแล้วจำนวน 5 ราย ก็อยากจะฝากถึงลูกแชร์ทั้งหลายที่ได้รับความเสียหาย หากต้องการดำเนินคดีเท้าแชร์ก็ให้มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ส่วนความคืบหน้าคดีหลังรับแจ้งความเมื่อวันก่อน ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมสำนวนคดีเพื่อให้ส่งผู้บังคับบัญชาสอบสวนข้อเท็จจริงและแต่งตั้งพนักงานสอบสวนมาเพิ่มเพราะผู้เสียหายมีจำนวนมากและอาจจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง
น.ส.ทิพยางค์ หรือโม หนึ่งในบรรดาเหยื่อเท้าแชร์เชิดเงินหนี ซึ่งกำลังตั้งท้องได้ 2 เดือน เล่าว่า ตนมีอาชีพเปิดแผงขายผลไม้ หลังถูกโกงเงินแชร์เครียดมาก ร้องไห้แทบทุกคืน เงินแสนกว่าบาทเป็นเงินเก็บที่ตั้งใจจะเก็บไว้ดูแลลูกที่อยู่ในครรภ์ แต่พอเอาเงินไปลงทุนกับบ้านแชร์แม่แหม่มเพราะหวังจะได้ดอกเบี้ย กลับสูญหายไปหมด
“เงินก้อนนี้หนูตั้งใจเอาไปต่อยอดหาเงินไว้ให้ลูกที่จะคลอดออกมา เขาทำให้พวกเราเดือดร้อนมาก เราขอแค่ทุนคืนตอนนี้ อยากให้เขาออกมารับผิดชอบด้วย หากไม่รับผิดชอบคงต้องแจ้งความเพื่อรักษาสิทธิ์ แฟนหนูไม่รู้ ถ้ารู้เขาคงโกรธแน่เลย ตอนนี้เครียดมากจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะแท้งลูก” น.ส.ทิพยางค์บอกทั้งน้ำตา
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 557 ตลาดเมืองเก่า ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พบกับ น.ส.พนิดา หล้าสัก อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นเท้าแชร์บ้านแม่แหม่ม หรือแชร์บ้านขนมไทย
น.ส.พนิดาเปิดใจต่อผู้สื่อข่าวครั้งแรกว่า ตนยอมรับว่าเป็นเท้าแชร์จริง แต่ไม่มีความคิดที่จะโกงเงินแชร์ของใคร และขอชี้แจงว่าสาเหตุที่บ้านแชร์ล่มเนื่องจากลูกแชร์ระดับต้นๆ ของวงเชิดเงินหนีจำนวน 3 ราย คือลูกแชร์ชื่อ “เจน” ยอดวงเงินแชร์ 800,000 บาท ลูกแชร์ชื่อ “มล” วงเงิน 1,800,000 บาท และลูกแชร์ชื่อ “เม” วงเงิน 1,600,000 บาท รวมยอดที่ลูกแชร์ค้างชำระ 3,200,000 บาท พอเงินจำนวนนี้ลูกแชร์ไม่จ่ายให้ตน ตนก็ไม่มีเงินหมุน
“บางครั้งต้องเอาเงินตัวเองมาจ่ายให้ลูกแชร์จนหมด พี่เชื่อหนูไหม หนูเป็นเท้าแชร์ก็จริง แต่หนูมีเงินในบัญชีแค่ 20 บาท รถยนต์จะโดนยึดแล้ว ตอนนี้กำลังทำเรื่องฟ้องดำเนินคดีลูกแชร์ทั้ง 3 รายเพื่อเอาเงินคืนมาจ่ายให้ลูกแชร์คนอื่นๆ” น.ส.พนิดากล่าว และว่า
ส่วนที่อ้างกันว่ามียอดเงินสูญหายไปถึง 10 ล้านบาทนั้นไม่เป็นความจริง ยอดเล่นแชร์ในกลุ่มประมาณ 5 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่มีข่าวตนเองใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่ไม่เป็นความจริง ปกติตนชอบทำบุญอยู่แล้วและตอนนี้ยังขายเสื้อผ้ามือสองช่วยแม่อยู่ และที่บอกว่าหนูเอาเงินแชร์มาสร้างบ้านหลังใหม่ก็ไม่เป็นความจริง
น.ส.พนิดาบอกอีกว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่แม่กู้เงินมาสร้างก่อนที่ตนจะเปิดบ้านแชร์ด้วยซ้ำ และหากตนใช้เงินฟุ่มเฟือยหรือมีเงินเป็นสิบๆ ล้านขนาดนี้พาพ่อและแม่หนีไปแล้วไม่อยู่บ้านให้คนด่าหรอก ตอนนี้ตนก็อยู่ที่บ้านไม่หนีไปไหน
ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่คิดหนี และพร้อมจะเคลียร์ให้ลูกแชร์ทุกคน อยากฝากถึงลูกแชร์ว่ายืนยันจะจ่ายให้ทุกคน ขอเวลาตนด้วย
“ส่วนที่มีข่าวว่าแชร์ของหนูจะเป็นแชร์แม่มณี 2 ไม่ใช่เด็ดขาด เพราะแชร์ของหนูเป็นแชร์แบบขั้นบันได ผลตอบแทนได้กลับไปตลอด มีระยะเวลาบอกวันที่จะได้รับ ต่างกับแชร์แม่มณีโดยสิ้นเชิง เพราะแชร์แม่มณีเขาเป็นการออมเงิน” เท้าแชร์วัย 26 ปียืนยัน
