ศรีสะเกษ - เจ้าหน้าที่ป่าไม้-ทหารปะทะเดือดแก๊งตัดไม้ชายแดนไทย อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ “ร.ท.” ทหารไทยถูกยิงหลังทะลุบาดเจ็บ 1 นาย จับชาวกัมพูชาได้ 1 ราย พร้อมปืน AK 47 (อาก้า) 1 กระบอก และไม้ของกลางตะเคียนทอง 1 ต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ หน่วย Smart Patrol ห้วยศาลา นำโดย นายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 และเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย.2601 ร่วมกันลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พบการลักลอบตัดไม้ตะเคียนบริเวณป่าทางทิศตะวันตก “พลาญจาก” ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ทับซ้อนเขตป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี “ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา” ท้องที่ตำบลดงรัก อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ จุดเกิดเหตุพิกัด UTM 48 P 415026 E1588700 N ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชาประมาณ 200 เมตร
เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม แต่ปรากฏว่าขณะจะเข้าจับกุมได้มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ทำหน้าที่คุ้มกันแก๊งลักลอบตัดไม้ ได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ก่อน จึงได้มีการยิงปะทะกับกลุ่มลักลอบตัดไม้เสียงปืนดังสนั่นป่า และต่อมาปรากฏว่าได้มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้ามาเสริมกำลังพร้อมกับเสียงรถยนต์ และเสียงปืนดังมาสมทบกับขบวนการตัดไม้ที่กำลังปะทะกันอยู่ ซึ่งการเสริมกำลังของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายทำให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลาและเจ้าหน้าที่ทหารต้องพากันถอยร่นออกจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะกัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชาวกัมพูชาได้ 1 คน พร้อมด้วยอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนอาก้า จำนวน 6 นัด เลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 1 เครื่อง ไม้ตะเคียนทอง จำนวน 1 ต้น ได้ถูกตัดโค่นและแปรรูปด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ ทั้งหมด 35 ท่อน/แผ่น ปริมาตร 2.83 ลูกบาศก์เมตร
การปะทะกันในครั้งนี้ปรากฏว่า ร.ท.ศิวะเทพ บุญล้อม ถูกกระสุนปืนฝ่ายตรงข้ามยิงเข้าที่บริเวณหลังด้านซ้ายทะลุด้านหน้า เจ้าหน้าที่ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาและปืนของกลางที่ยึดได้ออกจากพื้นที่เกิดเหตุปะทะกันก่อน โดยเหตุการณ์ปะทะกันนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 09.12 น. ของวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี พร้อมด้วย นายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ได้ลงพื้นที่สอบสวนชาวกัมพูชาผ่านล่ามด้วยตนเอง ทราบชื่อผู้ต้องหาชาวกัมพูชา คือ นายแง็น โสแว้ย อายุ 55 ปี อาศัยอยู่บ้านภูมิโอว์กระยูง ตำบลตรอเปียงไปร อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ให้การเบื้องต้นอ้างว่า พวกตนมาทั้งหมด 5 คน ใน 5 คนนั้นมี 2 คนเป็นทหารกัมพูชามีหน้าที่คอยคุ้มกันอีก 2 คน มีหน้าที่โค่นไม้และแปรรูปไม้ ส่วนตนมีหน้าที่แบกไม้เท่านั้น ตนไม่ได้เป็นคนตัดโค่นต้นตะเคียนดังกล่าวแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ได้ใช้เลื่อยตัดไม้ ไม่ได้ใช้อาวุธปืน AK 47 (อาก้า) ยิงเจ้าหน้าที่ และปืนไม่ใช่ของตน อีกทั้งตนไม่ใช่ทหารกัมพูชา การยิงเพื่อต่อสู้นั้นมาจากชุดคุ้มกัน ซึ่งเป็นทหารกัมพูชาและเป็นคนที่ชี้นำให้ตนมารับจ้างแบกไม้
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเสื้อและกางเกงมาเปลี่ยนให้ผู้ต้องหา เพื่อจะได้นำเอาเสื้อผ้าของผู้ต้องหาไปพิสูจน์หาหลักฐานคราบน้ำมันและขี้เลื่อย เพื่อเป็นพยานหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหาให้ได้ว่าคราบน้ำมัน เศษขี้เลื่อย และรอยนิ้วมือของผู้ต้องหานั้นตรงกับน้ำมันเครื่องของเลื่อยโซ่ยนต์ และที่สำคัญคือลายนิ้วมือที่ติดอยู่กับปืน AK 47 (อาก้า) นี้ตรงกับผู้ต้องหาหรือไม่ เพราะผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ได้โค่นไม้ตัดไม้ มาแค่แบกไม้ เพื่อให้พ้นข้อหาทำไม้ ซึ่งข้อหานี้มีโทษหนัก และจะได้ตรวจสอบลายนิ้วมือในอาวุธปืนสงคราม เพื่อให้ทราบว่าปืนอาก้ากระบอกดังกล่าวผู้ต้องหาได้ใช้เองหรือไม่
ส่วนเจ้าหน้าที่ทหาร 1 นายที่ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนปืน AK 47 เข้าด้านหลัง 1 นัด โดยกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณหลังด้านซ้ายกระสุนทะลุด้านหน้า หัวกระสุนผ่านระหว่างแผ่นหลังกับช่องแขน ได้ส่งตัวผู้บาดเจ็บไปที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ถูกจับว่า กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11, 48, 69, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 53, 55(5) พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มาตรา 4, พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522, พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490, ตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ต่อมาเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 ต.ค. พ.อ.ลิขิต สมานมิตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้นำตัวผู้ต้องหาและนำอาวุธปืน AK 47 (อาก้า) ซึ่งได้ขออายัดตัวผู้ต้องหาและของกลางต่อพนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ โดยใช้อำนาจทางการทหารเพื่อขยายผลให้ผู้ต้องหานำชี้หาตัวผู้ที่ซุ่มยิง ร.ท.ศิวะเทพ บุญล้อม จนได้รับบาดเจ็บ และเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม พร้อมทั้งจะได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทุกส่วนเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุปะทะกันอีกครั้ง และอาจต้องมีการเจรจาต่อรองกับทหารหน่วยความมั่นคงของกัมพูชา เพื่อให้สั่งห้ามมิให้มีการตัดไม้และล่าสัตว์ป่าในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดนอีกต่อไปด้วยเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป