xs
xsm
sm
md
lg

“พลอย ชิดจันทร์” เปิดใจโดนโครงการบ้านไฮโซสุดหรูฟ้อง 50 ล้าน หลังโพสต์ยูทูปเล่าประสบการณ์บ้านพัง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - เปิดใจ “พลอย ชิดจันทร์” อดีตดาราดัง กรณีถูกหมายศาลโครงการบ้านจัดสรรสุดหรูเชียงใหม่ฟ้องเรียก 50 ล้าน หลังโพสต์คลิปในช่องยูทูปส่วนตัวเล่าประสบการณ์ซื้อบ้านหรู 4 หลังมูลค่ากว่า 60 ล้านในโครงการ แต่เจอปัญหาต้องซ่อมตลอด 7 ปี


จากกรณี พลอย ชิดจันทร์ อดีตดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งภายหลังได้มีครอบครัวลูกสี่คนกับนักธุรกิจหนุ่มและย้ายภูมิลำเนากลับไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่มานานหลายปี แต่ล่าสุดเกิดประเด็นฟ้องร้องกันเมื่อเจ้าตัวได้โพสต์ภาพหมายศาลที่สั่งให้ระงับการเผยแพร่คลิปภาพในช่องยูทูปส่วนตัว และหมายศาลที่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากคู่กรณีมูลค่าถึง 50 ล้านบาท กรณีที่เจ้าตัวได้โพสต์คลิปภาพในรายการ หลังบ้านพลอยใน Channel Youtube Momme Chidjun ที่ได้โพสต์คลิป แชร์ประสบการณ์ แชร์สิ่งที่เราเจอ แบบจริงๆ เรื่องทั้งหมดในคลิปเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับบ้านของเราที่ซื้อไว้ เราแชร์เพื่อให้คนดูที่ติดตามรายการได้ประโยชน์ ได้ความรู้จากประสบการณ์จริงของเราที่ได้เจอมา ไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้าย โจมตีหรือทำให้ใครเสียหาย ไม่ได้บิดเบือนความจริงเลย เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริงๆ กับเรา และเราเองก็เสียหาย เสียทั้งเงิน เสียทั้งความรู้สึก เอาตรงๆ ลองคิดดู ซื้อบ้านมา 4 หลังราคาไม่ได้น้อย เจอเรื่องแบบนี้ไม่คิดว่าเราโพสต์ความจริงแล้วจะโดนฟ้องแบบนี้ เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นกรณีที่เจ้าตัวได้โพสต์คลิปภาพเพื่อเป็นอุทาหรณ์ และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน กรณีที่ซื้อบ้านจัดสรร แต่เกิดปัญหาขึ้นในเรื่องของการก่อสร้าง และคุณภาพของบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน ในช่องรายการของตนเองบนโลกออนไลน์ แต่จู่ๆ วันหนึ่งกลับได่รับหมายศาลจากการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากหมู่บ้านจัดสรรที่ตนเองซื้อบ้านในโครงการถึง 4 หลัง ราคาหลังละ 20 ล้านบาท และสิบกว่าล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาทเมื่อ 7 ปีก่อน


ล่าสุด “พลอย ชิดจันทร์” เปิดเผยในเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ตนเองได้โพสต์คลิปภาพในลักษณะของรายการในช่องยูทูปส่วนตัว ชื่อว่า หลังบ้านพลอยใน Channel Youtube Momme Chidjun ที่มีผู้ติดตามในโลกออนไลน์ เป็นคลิปภาพที่โพสต์เป็นอุทหรณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองกรณีที่เมื่อ 7 ปีก่อนตนเอง และครอบครัวได้ไปซื้อบ้านในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ โดยซื้อบ้านพร้อมกันถึง 4 หลังในโครงการที่ตนเอง และครอบครัวเชื่อมั่นในคุณภาพและราคา ซึ่งถือว่าราคาไม่น้อย หลังที่แพงสุดมูลค่า 20 ล้านบาท และอีกสามหลังราคาหลังละสิบกว่าล้านบาท รวมทั้งหมดกว่า 60 ล้านบาทเพื่อหวังจะเป็นสินทรัพย์ให้เช่า และให้ญาติตนเองอยู่อาศัย แต่ผ่านไป 7 ปีมีเพียงหลังเดียวที่ให้เช่าได้ ที่เหลือให้ญาติอยู่อาศัย โดยพบปัญหาจากการก่อสร้างตั้งแต่ปีแรก ซึ่งมีการรับประกันบ้าน 1 ปีในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น และ 5 ปีในส่วนของประกันโครงสร้าง แต่แค่ปีแรกก็เกิดปัญหาเรื่องของความเสียหาย และตลอดทั้ง 7 ปีต้องควักเงินซ่อมแซมบ้านและดูแลหลายแสนบาท ทำให้ต้องโพสต์ในช่องยูทูปของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องของการสร้างบ้าน และรีวิวต่างๆ อยู่แล้ว แต่จู่ๆ ก็พบว่าวันหนึ่งมีหมายศาลไปที่บ้านให้ระงับการเผยแพร่คลิปดังกล่าว และไม่นานจากนั้นก็มีหมายศาลฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าวจำนวน 50 ล้านบาท


ทั้งนี้ เจ้าตัวยืนยันว่าที่ทำคลิปในช่องยูทูปส่วนตัวก็เพื่อหวังที่จะเป็นอุทาหรณ์ให้คนที่ต้องการจะซื้อบ้านให้คำนึงถึงเรื่องของความเชื่อมั่นในคุณภาพ และความรับผิดชอบของเจ้าของโครงการ ในส่วนตัวเองปัญหาเรื่องของคุณภาพของบ้านที่ต้องเจอปัญหานั้น เจอตั้งแต่ปีแรกแม้จะอยู่ในระยะประกันที่เจ้าของโครงการจะมาช่วยซ่อมแซมให้ แต่ก็ดูเหมือนเป็นในลักษณะของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งระบบน้ำที่พบรอยรั่วของประปาในตัวบ้าน ผนังบ้านที่เจอความชื้นพื้นผิวร่อน ปัญหาที่ตามมาทั้งเรื่องของฝ้าเพดาน ผนังบ้าน และวัสดุพื้นผิวที่ได้รับความเสียหาย แต่ปัญหาหลักไม่ได้รับการแก้และยังพบว่าตลอดทั้ง 5-6 ปี กระทั่งหมดประกันต้องซ่อมแซม และเสียค่าบำรุงรักษาไปหลายแสนบาทในแต่ละปี โดยที่มาทำคลิปในรายการของตนเองนั้น ปกติก็ทำรายการเกี่ยวกับบ้าน รีวิวเกี่ยวกับการทำบ้าน แต่พอโพสต์เรื่องของตนเองไม่นานกลับต้องตกใจและสงสัยเมื่อเจอจดหมายจากศาลให้ระงับการเผยแพร่คลิปที่เกี่ยวกับบ้านตนเอง และที่ตามมาคือหมายศาลที่ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากหมู่บ้านจัดสรรที่ตนเองไปซื้อบ้านไว้ถึง 4 หลังด้วยกัน ทั้งๆ ที่ความตั้งใจในการทำคลิปดังกล่าวเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับตนเอง และคนทั่วไปที่ต้องการจะหาบ้านเป็นของตนเองให้เป็นแนวทาง และยังโพสต์เพื่อที่จะเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ โดยฉพาะ สคบ.ที่หลายคนแนะนำว่าต้องเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เมื่อเป็นคดีความแล้วตนก็ปรึกษาทนายเพื่อหาทางในการดำเนินการไปตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไปว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งคู่กรณีเองตั้งแต่หลังจากการโพสต์คลิปภาพก็ยังไม่ได้มีการติดต่อพูดคุยกันเพื่อหาทางออกแต่อย่างใด








กำลังโหลดความคิดเห็น