xs
xsm
sm
md
lg

แทบช็อก! หนุ่มบุรีรัมย์อาชีพรับจ้างมีบัตรคนจน ได้รับหมายศาลถูกฟ้องล้มละลายหนี้ค้างเฉียด 100 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์ - หนุ่มอาชีพรับจ้างชาว อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ และได้รับสิทธิบัตรคนจนช่วยค่าครองชีพ แทบช็อก จู่ๆ มีหมายศาลมาส่งถึงบ้านตกเป็นจำเลยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ 200 ล้าน ถูกฟ้องล้มละลายหนี้ค้างกว่า 97 ล้าน วอนช่วยเหลือหวั่นตกเป็นแพะถูกจับติดคุกฟรี

วันนี้ (17 ต.ค.) นายวิชิตร์ มนปราณีต อายุ 43 ปี ชาวอำเภอแคนดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ตัดอ้อย ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจู่ๆ มีหมายจากศาลล้มละลายกลางมาส่งถึงบ้าน โดยในหมายศาลดังกล่าวระบุว่า กรมสรรพากรเป็นโจทก์ฟ้อง นายวิชิตร์ มนปราณีต ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท “ภูเก็ต มอนติ คาโล จำกัด” ซึ่งเป็นจำเลย ศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยไว้เด็ดขาด เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562 ท่านในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัทฯ จำเลยจึงมีหน้าที่ไปให้การเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจำเลยต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 30 จึงมีหมายให้ท่านไปให้การสอบสวนเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน ณ กองบังคับคดีล้มละลาย 3 กรมบังคับคดี กรุงเทพมหานคร ภายใน 7 วัน นับแต่วันรับหมายนี้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามหมายนี้อาจมีโทษทางอาญา


นายวิชิตร์ มนปราณีต บอกว่า หลังได้รับหมายศาลและอ่านเนื้อหาในหมายก็ตกใจมากทำอะไรไม่ถูกถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะไม่รู้ว่าจู่ๆ มีชื่อไปเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทดังกล่าวได้อย่างไร ทั้งที่ตนเองมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ตัดอ้อย มีรายได้แค่วันละ 300-400 บาท และมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือแบ่งเบาค่าครองชีพไปรูดซื้อของใช้ในร้านค้าใกล้บ้านเท่านั้น ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทดังกล่าวเลย จึงรีบนำหมายศาลที่ได้รับเข้าไปสอบถามและขอความช่วยเหลือ ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้ไปสอบถามข้อมูลที่สรรพากรพื้นที่บุรีรัมย์ และขอความช่วยเหลือกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิกรณีถูกนำข้อมูลหรือเอกสารไปใช้

จากนั้นจึงรีบไปสอบถามที่สรรพากรบุรีรัมย์ตามคำแนะนำ ทางสรรพากรทำการตรวจสอบข้อมูลในระบบ ตามที่มีชื่อตนเองกลายเป็นผู้ถือหุ้นอยู่นั้น ก็พบว่าบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2547 สถานะเป็นนิติบุคคล ประเภทธุรกิจ ซื้อขาย เช่าซื้อ ขายฝากที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่น ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยมีข้อมูลหนี้ค้างชำระตั้งแต่ปี 2561-2563 กว่า 24 ล้านบาท เบี้ยปรับอีก 48 ล้านบาท เงินเพิ่มอีก 24 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่ต้องชำระกว่า 97 ล้านบาท


ทางสรรพากรพื้นที่บุรีรัมย์จึงบอกให้นำเอกสารไปติดต่อที่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ แต่พอไปติดต่อเจ้าหน้าที่บังคับคดีจังหวัด บอกให้ไปที่กองบังคับคดีล้มละลาย 3 กรมบังคับคดี ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งตนไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน และจะต้องไปติดต่ออย่างไร ที่สำคัญตอนนี้ไม่มีเงินเลยเพราะไม่ค่อยมีคนจ้างงาน อาศัยแค่เงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ให้รูดซื้อของเดือนละ 200 บาท ส่วนเงินในบัญชีก็มีแค่ 200 กว่าบาท ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปเป็นค่ารถ และที่กังวลมากที่สุดคือกลัวจะตกเป็นแพะถูกจับติดคุกฟรี เพราะไม่รู้ว่ามีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่โตได้อย่างไร ก็พร้อมให้ตรวจสอบ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะมีมิจฉาชีพเอาเอกสารส่วนตัวไปใช้ หรืออาจจะเกิดความผิดพลาดอะไรสักอย่าง จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น