ภาคเหนือ - ชาวนาภาคเหนือโอด..สัปดาห์เดียวโดนกดราคาข้าวเหนียวเกี่ยวสดทั้งจากทุ่ง-หน้าลานฯ เหลือแค่กิโลฯ ละ 4-6 บาท ขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ทันขาย ยื่นคำขาด 20 ตุลาฯ นี้ต้องเห็นราคา 10 บาทต่อกิโลฯ ไม่เช่นนั้นมีชุมนุมใหญ่
เครือข่ายสภาเกษตรกรหลายจังหวัดภาคเหนือได้เริ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องทวงถามการประกันราคาข้าวในฤดูเก็บเกี่ยวปี 2563-2564 รวมทั้งให้พยุงราคาข้าวเหนียวและข้าวเจ้าความชื้นไม่เกิน 25% ได้ให้ราคากิโลกรัมละ 10 บาท เนื่องจากปัจจุบันราคาหน้าลานลดลงเหลือกิโลกรัมละ 6 บาท ขณะที่ราคาหน้ายุ้งฉาง-ริมทุ่งซื้อกันที่ 4-5 บาทต่อกิโลฯ เท่านั้น
นายธีธวัช คำเงิน ประธานสภาเกษตรกรเชียงราย ที่นำเครือข่ายฯ เข้ายื่นหนังสือต่อนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัด เพื่อให้เร่งแก้ปัญหา ระบุว่า ขอให้ทางจังหวัดในฐานะประธานกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 และพาณิชย์จังหวัดประสาน 8 จังหวัดภาคเหนือร่วมกันต่อรองกับผู้ประกอบการค้าข้าวเพิ่มรับซื้อในราคาที่สูงกว่านี้ และให้หน่วยงานอื่นๆ สนับสนุนเกษตรกรให้มากขึ้น เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่สนับสนุนโครงการชะลอการขาย ระดมสหกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในจังหวัดช่วยเหลือเกษตรกร ฯลฯ
ด้านนายกฤษณะ คำปุก ผู้แทนเกษตรกรระดับตำบล อ.พาน กล่าวว่า สัปดาห์ก่อนราคาข้าวจะซื้อขายกันในกิโลกรัมละ 14 บาท แต่ปรากฏว่าภายในอาทิตย์เดียวกลับลดฮวบลงเหลือ 6 บาท และยังมีการปล่อยข่าวอีกว่าราคาจะลดต่ำลงอีก ทำให้ชาวนาต้องเร่งขายข้าวกันมากขึ้นเพราะกลัวราคาจะถูกลงอีก ซึ่งขณะนี้มีการเก็บเกี่ยวแล้วราว 10-20% ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งจังหวัด
“ชาวนามีต้นทุนในการทำนาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 6 บาท พอราคาลงมาฮวบฮาบแบบนี้ก็เหมือนขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ได้ขาย จึงอยากให้รัฐและเครือข่ายเร่งช่วยเหลือชาวนา โดยเราจะรอคำตอบการช่วยเหลือจนถึงวันที่ 20 ตุลาคมนี้ หากยังแก้ไขไม่ได้ก็จะพากันมาชุมนุมอีก”
ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์ จ.เชียงรายได้แจ้งต่อเกษตรกรว่าจะนำข้อเรียกร้องของเกษตรกรซึ่งรวมถึงข้อปลีกย่อยอื่นๆ เช่น การผูกขาดรับซื้อของผู้ประกอบการในพื้นที่ที่พยายามกีดกันผู้ซื้อจากต่างพื้นที่ การให้ผู้ประกอบการรถเกี่ยวข้าวและสหกรณ์ต่างๆ ร่วมแก้ไขปัญหาราคาข้าว ฯลฯ รวมถึงเรื่องการเจรจากับผู้ประกอบการ เข้าสู่การประชุมในวันที่ 14 ต.ค.นี้ โดยจะเชิญภาคเอกชนเข้าร่วมด้วย เพื่อจะเร่งแก้ไขปัญหาให้เสร็จก่อนวันที่ 20 ต.ค.นี้
ขณะที่จังหวัดแพร่ นายขวัญยืน จินดาคำ ผญบ.ม.1 ต.ปงป่าหวาย อ.เด่นชัย, นายชัยเดช สุฤทธิ์ ผญบ.ม.3 ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย, นายประสงค์ ชุ่มเชย และนายถาวร ชุ่มใจ ได้พากันเข้าพบนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ณ สำนักงานสมาชิกสภาผู้แทนฯ ต.เหมืองหม้อ อ.เมืองแพร่ เพื่อขอความช่วยเหลือให้แก้ไขปัญหาราคาข้าวเช่นกัน
โดยระบุว่าเกษตรกรเคยนำข้าวเปลือก (ข้าวเหนียว) ขายให้โรงสีเมื่อ 24 ก.ย. 63 ในราคากิโลฯ ละ 11 บาท แต่ในเดือน ต.ค. 63 โรงสีได้ปรับราคารับซื้อลงเหลือกิโลฯ ละ 7 บาท และทำทีไม่ยอมรับซื้ออีก โดยอ้างว่าข้าวมีความชื้นสูง มีข้าวที่ยังไม่แก่จัดเจือปน แนวโน้มราคาลดลงอีก ทำให้ชาวบ้านเสี่ยงต่อการขาดทุน ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ต.ค.เคยรวมตัวกันไปยื่นหนังสือต่อนายอำเภอเด่นชัยแล้ว
เช่นเดียวกับกลุ่มชาวนาจังหวัดเชียงใหม่ที่พากันเข้ายื่นหนังสือผ่านเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เรียกร้องผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา รวมถึง รมว.พาณิชย์ ให้เร่งหาทางพยุงราคาข้าวเปลือกเหนียวตกต่ำ โดยระบุว่าปัจจุบันราคาข้าวเปลือกเหนียวเกี่ยวสดอยู่ที่กิโลกรัมละ 7.50 บาท ข้าวสารเหนียวอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท หากถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตจะอยู่ที่ราคา 5-6 บาท ทางกลุ่มชาวนาเรียกร้องให้รัฐบาลพยุงราคาข้าวเปลือกเหนียวเกี่ยวสดอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท ไม่กำหนดความชื้น
เบื้องต้นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ได้นัดประชุมแก้ไขปัญหาราคาข้าว โดยจะเชิญตัวแทนชาวนาอำเภอละ 3 คน, ตัวแทนโรงสีข้าว, ตัวแทนท่าข้าว, ตัวแทน ธ.ก.ส. และตัวแทนสำนักงานสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 15 ตุลาคมที่จะถึงนี้