ศูนย์ข่าวศรีราชา - ดีลเลอร์โตโยต้าชลบุรี ชี้งาน “Toyota presents มหกรรมขับเคลื่อนความสุข Drive Economy” ที่ตลาดนัดจตุจักร ตัวชี้วัดกำลังซื้อพื้นที่ยังมี มั่นใจยอดขายไตรมาสสุดท้ายปี 63 กระเตื้อง 30%
วันนี้ (10 ต.ค.) ว่าที่ ร.ต.ยงสิน ยุวธานนท์ ร.น.รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า นคร ชลบุรี จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าในพื้นที่ จ.ชลบุรี ระยอง และ จ.ตราด เผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2563 ว่ายังมีแนวโน้มดีจากการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล
ทั้งนโยบายการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติกลุ่มพิเศษเข้ามาในเดือน ต.ค.นี้ หรือแม้แต่นโยบายสนับสนุนการใช้จ่ายของประชาชนผ่านโครงการต่างๆ ที่สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคธุรกิจและการลงทุนได้
เห็นได้จากการเพิ่มกำลังผลิตรถยนต์ของโตโยต้า ที่เกิดจากความเชื่อมั่นว่าแนวโน้มตลาดโดยรวมจะดีขึ้น ขณะที่ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่รองจากกรุงเทพฯ ยังเป็นจังหวัดที่ได้รับการส่งเสริมต่างๆ จากภาครัฐ ทั้งในเรื่องการท่องเที่ยวและการลงทุน จึงเชื่อว่ากำลังซื้อของประชาชนในพื้นที่ยังดี
“อีกปัจจัยที่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจของ จ.ชลบุรี จะไปรอดคือ การจัดงาน“Toyota presents มหกรรมขับเคลื่อนความสุข Drive Economy” ที่ตลาดนัดจตุจักร ชลบุรี ระหว่างวันที่ 8-11 ต.ค.นี้ มีลูกค้าทั้งจากโชว์รูมต่างๆ และลูกค้าทั่วไปลงชื่อเข้างานมากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการอัดแคมเปญที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นตลาดของโตโยต้าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีด้วย”
โดยว่าที่ ร.ต.ยงสิน มั่นใจว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 63 ตลาดรถยนต์ใน จ.ชลบุรีจะเติบโตเพิ่มจากช่วงที่ผ่านมาประมาณ 30%
ฝากรัฐอย่าลืมมาตรการกระตุ้นแบงก์พักชำระเงินต้น 2 ปีช่วยภาคธุรกิจรอดปี 63
“แต่สิ่งที่อยากฝากไปยังรัฐบาลคือ อย่าลืมสิ่งที่ภาคเอกชนร้องขอคือการผลักดันให้แบงก์รัฐหรือแบงก์พาณิชย์ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ภาคเอกชนและขอให้ชะลอการชำระเงินต้นเป็นเวลา 2 ปี โดยให้เอกชนได้มีโอกาสจ่ายแค่เพียงดอกเบี้ยก่อนเพื่อให้สามารถประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นปี 63 ไปได้ และเพื่อที่จะให้ผู้ประกอบการมีเงินสำหรับจ้างงาน และปรับปรุงกิจการเพื่อสร้างยอดขายให้สูงขึ้น”
ว่าที่ ร.ต.ยงสิน ยังเผยอีกว่า ขณะนี้บริษัท โตโยต้า นครชลบุรี จำกัด ได้เริ่มเปิดรับนักเรียน นักศึกษาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาเข้าทำงานตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อลดปัญหาการว่างงาน ภายใต้การสนับสนุนค่าจ้างครึ่งหนึ่งของรัฐบาลแล้ว เพื่อสร้างกระแสเงินให้เกิดการหมุนเวียน ดังนั้น รัฐเองก็ต้องช่วยประคองเอกชนและภาคธุรกิจต่างๆ ให้อยู่รอดไปได้ด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญคือการส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติมากถึง 80% ซึ่งในวันนี้ภาครัฐอาจต้องเพิ่มมาตรการในการคัดกรองให้มากขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติให้เข้ามาในประเทศไทย ก่อให้เกิดการใช้จ่ายและเชื่อว่าเมื่อใดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามากระแสเงินหมุนเวียนในประเทศก็จะดีขึ้น
“โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่หากภาครัฐให้การสนับสนุนประชาชนที่มีรถรุ่นเก่าอายุ 20 ปี หรือรถที่สภาพไม่ดีให้สามารถออกรถถยนต์ใหม่ได้ง่ายขึ้น ก็ช่วยลดปัญหามลพิษที่เกิดจากเครื่องยนต์เก่าได้ และที่สำคัญยังก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนขึ้นอีกมาก” ว่าที่ ร.ต.ยงสิน กล่าว