เชียงราย - ผู้ปกครอง “น้องเอเค” วัย 3 ขวบเศษ ยืนยันให้ศาลตัดสินจนถึงที่สุด หลังประตูโรงเรียนอนุบาลเอกชนเชียงรายหนีบนิ้วลูกขาด เรียกร้องเยียวยาค่าศัลยกรรม 4 แสน แต่ ร.ร.ขอจ่าย 2 แสน จนตกลงกันไม่ได้
นางพิมญาดา อายุ 37 ปี ชาว อ.เมืองเชียงราย แจ้งความโรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 9 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย หลังประตูห้องเรียนเตรียมอนุบาลหนีบนิ้วลูกชายคือน้องเอเค อายุ 3 ขวบ 3 เดือน ขณะเรียนในโรงเรียน เมื่อ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา จนปลายนิ้วขาดถาวร เล็บสั้นลง 50% จึงเรียกร้องค่าเสียหาย 400,000 บาท เพื่อนำไปรักษาศัลยกรรมตกแต่งนิ้วมือของลูกให้เป็นปกติ
ล่าสุด ร.ต.อ.นิรุตติ์ อุดใจ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงราย ได้เชิญทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยกันเมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) แต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ นางพิมญาดายังคงยืนยันที่จะเรียกค่าเสียหายตามจำนวนดังกล่าว เพราะการศัลยกรรมนิ้วลูกต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่า 4 แสน ขณะที่ทางโรงเรียน ซึ่งส่งทนายความเจรจาแทนยืนยันว่าก่อนหน้านี้เคยเจรจากันเพื่อให้ทางโรงเรียนจ่ายเงินให้เพียง 200,000 บาท ตามที่เคยเจรจากันมาก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งว่าหากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ก็ต้องดำเนินคดีไปตามขั้นตอนเพื่อให้ศาลตัดสินคดีต่อไป ทำให้ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันกลับ
นางพิมญาดากล่าวว่า ทางครอบครัวจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะน้องเอเคต้องเสียโอกาสหลายด้านจากสภาพนิ้วมือดังกล่าว ขณะเดียวกันก็มีผลต่อสุขภาพจิตด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตนได้พาลูกชายไปพบแพทย์จิตเวชมาแล้ว ส่วนเรื่องค่าเสียหายที่เรียกร้องนั้นยังคงยืนยันให้ได้ 400,000 บาทเพื่อให้เพียงพอต่อการทำศัลยกรรมนิ้วลูก
ด้านทนายความของโรงเรียนอนุบาลดังกล่าวกล่าวว่า ทางโรเรียนยังคงยืนยันการรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้และได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทางผู้บาดเจ็บตามสิทธิ์ที่จะได้รับแล้ว ส่วนการเจรจาเรื่องเงินเยียวยา 400,000 บาทนั้นไม่สามารถตกลงกันได้ จึงต้องส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้มีการพิจารณาตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
สำหรับเหตุการณ์ประตูหนีบนิ้วน้องเอเคเกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนเข้านอนของเด็กๆ ชั้นเตรียมอนุบาล ขณะน้องเอเคถือกระป๋องนมไปทิ้งที่ถังขยะนอกห้อง และครูพี่เลี้ยงไม่ทันสังเกต จึงได้ปิดประตูไปทับนิ้วมือของน้องเอเคที่ใช้มือเกาะขอบประตูอยู่จนทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
หลังเกิดเหตุผู้ปกครองเด็กแจ้งว่าทางโรงเรียนแจ้งว่าเกิดจากอุบัติเหตุที่ไม่ได้มาจากครูพี่เลี้ยง แต่เมื่อได้ดูกล้องวงจรปิดแล้วจึงพบว่ามีครูพี่เลี้ยงปิดประตู ทำให้ผู้บริหารโรงเรียนได้ขอโทษและรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทำแผล กระทั่งมีการเรียกร้องค่าเยียวยาแต่ตกลงกันไม่ได้