บุรีรัมย์ - เศร้า หนุ่มบุรีรัมย์โพสต์ภาพเชือกบอกลา ก่อนผูกคอตายคาห้องหอ แม่ผู้ตายเผยแต่งงานกัน 4 เดือน แต่มีปัญหาชีวิตคู่ลูกชายตัดพ้อฝ่ายหญิงไม่รักแล้วจนคิดสั้น ด้านฝ่ายหญิงเผยไม่ได้หมดรักแต่ผู้ตายเมาชอบพูดเรื่องความหลังจนทะเลาะบ่อยจึงแยกกันอยู่ เผยช็อกเสียใจพร้อมขอโทษครอบครัวฝ่ายชาย
วันนี้ (25 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชายหนุ่มโพสต์เฟซบุ๊กภาพเชือกพร้อมบอกลาทุกคน โดยมีข้อความว่า "ลาก่อนนะ เกิดมาชาติหน้าก็ขอให้ได้อยู่ด้วยกัน และรักกันตลอดไปนะ และในเมื่อชีวิตนี้ไม่มีเธออีกแล้วก็ไม่อยากจะขออยู่ต่อไปในโลกใบนี้อีกแล้ว ลาก่อนนะ รักทุกคนนะครับ" ก่อนญาติจะไปพบเป็นศพผูกคอเสียชีวิตภายในห้องนอนที่เคยใช้เป็นห้องหอ หลังจากแต่งงานกันได้เพียง 4 เดือน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบว่าทางครอบครัวได้นำร่างผู้เสียชีวิตมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสิงห์วงศ์ ต.หนองไทร อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยผู้ที่คิดสั้นคือ นายสิทธิศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ได้ผูกคอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
นางสารภี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี แม่ผู้เสียชีวิต ยังทำใจไม่ได้ต่อการจากไปของลูกชาย เล่าให้ฟังว่า ลูกชายแต่งงานอยู่กินกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2563 หลังจากนั้นไปอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิงได้เพียง 4 เดือนลูกชายก็กลับมาอยู่บ้าน โดยบอกว่า “เขาไม่รักผม” จากนั้นแม่ฝ่ายหญิงก็ติดต่อมาให้กลับไปหาภรรยา หวังจะให้ทั้งสองกลับไปคืนดีกัน ซึ่งลูกชายก็กลับไปเพราะรักฝ่ายหญิงมาก แต่กลับไปไม่นานก็กลับมาอยู่บ้านอีก และตนสังเกตจากใบหน้าของลูกชายเหมือนไม่มีความสุข แต่ลูกพยายามกลับไปตามคำแนะนำของแม่ฝ่ายหญิง กระทั่งวันเกิดเหตุมีเพื่อนลูกชายมาบอกว่าให้รีบตามหาลูกเพราะเห็นลูกชายโพสต์ในเฟซบุ๊กเป็นภาพเชือกผูกติดกับขื่อห้องนอนเหมือนจะฆ่าตัวตาย
เมื่อดูจากภาพคาดว่าเป็นห้องนอนของฝ่ายหญิงที่เคยทำเป็นห้องหอในวันแต่งงาน ซึ่งอยู่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จึงรีบเดินทางไปดูแต่ก็ไม่ทันพบลูกชายใช้เชือกผูกคอกับขื่อห้องนอนเสียชีวิตแล้ว แต่ครอบครัวไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เพราะคิดว่าเป็นการตัดสินใจของลูกชาย ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากความน้อยใจที่ฝ่ายหญิงไม่รัก หลังจากลูกชายผูกคอตายก็มาเข้าสิงร่างน้องชายบอกว่าเจ็บคอ
ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 33 ปี อดีตภรรยาผู้ตาย บอกว่า หลังจากแต่งงานกันผู้ตายก็มักจะดื่มเหล้าเวลาเมาจะชอบพูดเรื่องความหลังที่ตนเองเคยมีครอบครัวมาแล้วก่อนจะมาแต่งงานกัน จนทำให้เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อย กระทั่งตนทนไม่ไหวจึงบอกให้ฝ่ายชายปรับตัวดื่มเหล้าให้น้อยลงและลองแยกกันอยู่สักพัก แต่ผู้ตายไม่หยุดดื่ม แต่ช่วงที่แยกกันฝ่ายชายยังไปมาหาสู่บ้างแค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น ซึ่งรู้สึกช็อกและเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้คืนสินสอดทองหนัก 3 บาทให้ครอบครัวฝ่ายชายแล้วเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย
