ศูนย์ข่าวศรีราชา - พม.ชลบุรีเข้าช่วยเหลือนักเรียน ม.3 โดนคนขับรถสองแถวเบี้ยวเงินทอน จนเครียดเตรียมกระโดดสะพานลอยฆ่าตัวตายพบป่วยซึมเศร้าจากปัญหาครอบครัวจนต้องกินยาเป็นประจำ ซ้ำต้องย้ายมาอยู่กับป้าซึ่งเป็นแม่บ้าน รร.โพธิสัมพันธ์พิทยาคาร ใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
จากเหตุสะเทือนใจนักเรียนชายชั้น ม.3 โรงเรียนชื่อดังใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พยายามกระโดดสะพานลอยหน้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อฆ่าตัวตายหลังเขียนจดหมายลาครู และเพื่อนในโรงเรียน จากปัญหาความเครียดทั้งเรื่องภายในครอบครัว และยังถูกคนขับรถสองแถวสายสัตหีบ-นาเกลือ ไม่ทอนเงินค่าโดยสารหลังจ่ายแบงก์ 100
แม้เพื่อนและครู รวมทั้งตำรวจจะช่วยนำตัวลงจากสะพานลอยมาเกลี้ยกล่อมเพื่อให้คลายความเครียด แต่ก็ยังไม่วายที่เด็กชายจะวิ่งไปกลางถนนเพื่อให้รถชนตาย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ยังโชคดีที่สามารถช่วยได้ทัน เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา
ภายหลังจากที่ข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปทำให้ผู้คนทั้งประเทศแสดงความเห็นใจเด็กชายคนนี้ ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ตำรวจในพื้นที่ตามตัวคนขับรถสองแถวคันก่อเหตุให้ได้ ซึ่งสุดท้ายขนส่งจังหวัดชลบุรี ได้ทำการเปรียบเทียบปรับคนขับรถรายนี้เป็นเงิน 10,000 บาท ขณะที่คนขับรถสองแถวยืนยันไม่มีเจตนาโกงเงินทอนเด็ก เพียงแต่คิดว่าเด็กชายจ่ายค่าโดยสารเป็นแบงก์ 20 บาทนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อติดตามให้ความช่วยเหลือเด็กชายคนดังกล่าวแล้ว หลังทราบได้ย้ายมาพักอาศัยอยู่กับป้าซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่โรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมมอบข้าวสาร และเครื่องอุปโภคบริโภคไว้ให้บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
โดย น.ส.อลิสรา ใจเพชร นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ เผยว่า จากการพูดคุยกับนายเอก (นามสมมติ ) อายุ 15 ปี นักเรียนที่คิดสั้นหวังจะกระโดดสะพานลอยฆ่าตัวตายพบว่า มีอาการป่วยโรคซึมเศร้าและมีอารมณ์ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ประกอบกับมีปัญหาภายในครอบครัว ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาและต้องกินยาอยู่เป็นประจำ
การที่ นายเอก ต้องย้ายมาอยู่กับผู้เป็นป้าเพราะถูกพี่ชายแท้ๆ รังแก และในแต่ละวันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรถโดยสารไปโรงเรียนในอำเภอสัตหีบ
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ด้วงเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร เผยว่าก่อนหน้านี้ป้าของนายเอก ได้เคยขอความช่วยเหลือในการย้ายหลานมาเรียนยังโรงเรียนแห่งนี้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงสัตหีบ แต่เนื่องจากเป็นช่วงกลางเทอมจึงยังไม่สามารถช่วยเหลือได้ ประกอบกับต้องรอให้ผู้ปกครองของเด็กคือบิดาและมารดาเซ็นหนังสือยินยอมก่อน
“ส่วนการที่จะมาขอพักอาศัยอยู่ภายในที่พักของโรงเรียนเป็นการชั่วคราวนั้น ทางโรงเรียนไม่ว่าอะไร เพราะส่วนหนึ่งก็รู้สึกสงสารเด็กคนที่ต้องประสบปัญหาบีบคั้นจิตใจจนทำให้เกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจ” ผู้อำนวยการโรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้นสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี จะได้ติดตามความเป็นอยู่และให้ความช่วยเหลือเด็กชายผู้นี้อย่างต่อเนื่อง และยังจะประเมินความพร้อมของครอบครัวตามกระบวนการสังคมสงเคราะห์เพื่อให้ความคุ้มครองและดูแลเด็กชายผู้นี้ต่อไป
และสำหรับผู้มีจิตศรัทธาท่านใดมีความเห็นใจและต้องการให้การช่วยเหลือเด็กชายผู้นี้ ก็สามารถให้ความช่วยเหลือได้เช่นกัน