เชียงใหม่ - “เจมส์บอนด์” พร้อมแม่เข้าพบ ผกก.สภ.ภูพิงค์ เจรจากรณีอ้างว่าถูกตำรวจทำร้ายร่างกายคาด่านตรวจแอลกอฮอล์ ระหว่างเข้าไปช่วยเพื่อน หลังปิดห้องคุยนาน 2 ชั่วโมง ทุกอย่างจบลงด้วยดี สรุปเป็นความเข้าใจผิดกัน และทั้งสองฝ่ายต่างขอโทษ
ความคืบหน้ากรณีที่นางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์ ภรรยาอดีตผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 เรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่านายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หรือเจมส์บอนด์ อายุ 27 ปี ลูกชายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.วันที่ 14 ก.ย. 63 ระหว่างที่เจมส์บอนด์นั่งรถยนต์กับเพื่อนกลับจากเจราจาธุรกิจและเลี้ยงสังสรรค์กับนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งเพื่อนที่เป็นคนขับรถได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ที่ตั้งด่านบนถนนใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรียกตรวจแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ เจมส์บอนด์ได้พยายามเข้าไปช่วยพูดเจรจาไกล่เกลี่ยให้ แต่กลายเป็นว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย
ช่วงบ่ายวันนี้ (16 ก.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่ นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หรือเจมส์บอนด์ พร้อมด้วย พล.ต.วิทยา วรรคาวิสันต์ อดีตผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 และนางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์ ภรรยา ได้เดินทางมาพบกับทางมาพบ พ.ต.อ.รณชัย รอดลอย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ เบื้องต้นแจ้งว่าทางตำรวจได้เชิญมาพบเพื่อปรับความเข้าใจในเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยก่อนการเข้าพบพูดคุยกันนั้น นางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์ แม่เจมส์บอนด์ เปิดเผยว่า ลูกชายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาที่โรงพักพร้อมกับจับใส่กุญแจมือ หลังจากที่เจมส์บอนด์นั่งรถยนต์กับเพื่อนกลับจากประชุม และกินเลี้ยงกับเพื่อนซึ่งมีการดื่มกินกันมาในระดับหนึ่ง โดยเพื่อนที่เป็นคนขับรถได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ ที่ตั้งด่านบนถนนใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรียกตรวจแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ เจมส์บอนด์ได้พยายามเข้าไปช่วยพูดเจรจาไกล่เกลี่ยให้ แต่เกิดมีปากเสียงกับทางเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะมีการกระทบกระทั่งกันกับทางเจ้าหน้าที่จนถึงขั้นมีการทำร้ายร่างกาย และจับกดลงกับพื้นใส่กุญแจมือ ควบคุมตัวไปโรงพัก หลังจากนั้นช่วงเช้าจึงได้มีการปล่อยตัวให้ไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาและตรวจร่างกาย ซึ่งผ่านมา 2 วันไม่ได้มีการแจ้งข้อหาต่อลูกชาย แต่ยอมรับว่ามีความพยายามติดต่อมาหาตนเองทางโทรศัพท์ ลูกชายก็ยังพักรักษาตัวอยู่จึงไม่ได้ติดต่อกับทางตำรวจ จนในวันนี้ได้รับการติดต่ออีกครั้งจึงได้เดินทางมาพบ ประกอบกับมีข่าวที่ออกไปเผยแพร่เป็นที่สนใจของประชาชน และลูกชายก็มีอาการดีขึ้นจึงได้เดินทางมาพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าจะมีการเจรจาพูดคุยกันแบบใด
โดยตนเองขอยืนยันว่าลูกชายแม้จะดื่มมาแต่ไม่ถึงกับเมาขาดสติ และไม่ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงกลับมาอย่างที่มีข่าวไปก่อนหน้านี้ เพียงแต่ไปประชุมธุรกิจกับเพื่อนและมีการกินเลี้ยงกัน และยืนยันไม่ได้เข้าไปปัดเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ หรือขัดขวางช่วงที่เพื่อนตนเองจะเป่าเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์แต่อย่างใด ซึ่งลูกชายบอกว่าอยู่ห่างจากจุดที่เพื่อนตนเองถึง 6 เมตร แต่พอเหตุการณ์เกิดขึ้นมองว่าทางเจ้าหน้ที่ใช้กำลังกับลูกชายตนจนได้รับบาดเจ็บ และการใส่กุญแจมือเหมือนกับลูกชายเป็นผู้ร้ายคดีรุนแรงขึ้นเป็นการทำเกินกว่าเหตุไปหรือไม่ จนถึงตอนนี้แล้วทางตำรวจจะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อลูกชายตนเอง และทางฝั่งลูกชายก็ยังไม่แจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกาย วันนี้เป็นครั้งแรกที่มาพูดคุยกันก็จะขอดูท่าทีก่อนว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. หลังการพูดคุยกันนานประมาณ 2 ชั่วโมง นางปุนยวัจนา พร้อมด้วยเจมส์บอนด์ และ พ.ต.อ.รณชัย รอดลอย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากการพูดคุยกันทั้งสองฝ่ายได้ชี้แจงและปรับความเข้าใจกันจนได้ผลสรุปด้วยดีว่าเหตุที่เกิดขึ้นต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิด และอาจจะมีการใช้อารมณ์เกินเลยไปบ้าง อย่างไรก็ตาม ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันแล้วและต่างขออภัยซึ่งกันและกันแล้ว โดยที่ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกันแต่อย่างใด