ประจวบคีรีขันธ์ - อัยการคดีทุจริตภาค 7 สั่งปล่อยตัวสาวลูกจ้างสำนักงานจังหวัดประจวบฯ ผู้ต้องหาโกงงบหลวงกว่า 40 ล้าน บาท พ้นเรือนจำ จ.สมุทรสงคราม หลังจากฝากขังครบ 84 วัน แต่พนักงานอัยการยังไม่สามารถสรุปสำนวนยื่นฟ้องต่อศาลได้
จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บุตรสาวของอดีตกำนัน ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบฯ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการกว่า 40 ล้านบาท
จากการโอนเงินผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และพบการกระทำความผิดในการทำข้อมูลหลักฐานเท็จจากการปลอมเช็คและการเบิกจ่ายรวม 165 ครั้ง โดยศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ออกหมายจับเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 และไม่ให้ประกันตัวตั้งแต่การฝากขังผลัดแรก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563
ล่าสุด วันนี้ (15 ก.ย.) พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.ขนิษฐา หอยทอง จากการคุมขังที่เรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองได้ควบคุมนำตัวผู้ต้องหาจากเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ทำการฝากขัง แต่เนื่องจากที่ผ่านมา ได้ครบกำหนดฝากขังครั้งละ 12 วัน จำนวน 7 ผลัด รวม 84 วัน
พ.ต.อ.ธนากร กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานอัยการยังไม่สรุปสำนวนยื่นฟ้องต่อศาลคดีทุจริตในระบบไต่สวน จึงทำให้ผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัว ทั้งนี้ ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้ทำงานล่าช้า แต่คดีนี้มีเอกสารจำนวนมาก จากการทำธุรกรรมทางการเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ยืนยันว่าจะเร่งสรุปสำนวนให้เสร็จโดยเร็ว จากนั้นจะนำตัวผู้ต้องหาทุกรายไปดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
ล่าสุด พนักงานอัยการได้แจ้งให้พนักงานสอบ สภ.เมือง สอบข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในระบบราชการบริหารส่วนภูมิภาค และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปประกอบสำนวน นอกจากนั้น จะต้องทำสำนวนรายละเอียดในการทุจริตทั้งหมด 165 กรรม จากการทุจริตต่อเนื่อง 165 ครั้ง ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 ถึงเดือนมิถุนายน 2563 ให้รัดกุม
โดยมีข้อมูลหลักฐานเชื่อมโยงกับการเบิกจ่ายงบประมาณ เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินหรือธนาคารของรัฐบางแห่ง ที่จะต้องให้ความร่วมมือมอบเอกสารหลักฐานแก่พนักงานสอบสวนโดยไม่ประวิงเวลาให้ล่าช้า โดยเฉพาะการส่งเช็คเบิกจ่ายตัวจริง 78 ฉบับ เพื่อให้พนักงานสอบสวนนำไปตรวจสอบลายมือชื่อปลอมตามหลักนิติวิทยาศาสตร์
ด้าน ผกก.สภ. เมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหาภายหลังได้รับการปล่อยตัว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการหลบหนี แม้ว่าที่ผ่านมา น.ส.ขนิษฐา ได้ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ขณะที่ก่อนหน้านี้ นางสายพิณ ดิบดีคุ้ม อายุ 60 ปี มารดาของน.ส.ขนิษฐา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกันได้รับการประกันตัวไปแล้ว
มีรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าวที่ผ่านมามีการอายัดบัญชีเงินฝากของมารดาผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องซึ่งเป็นบุคคลทั่วไปรวม 9 ราย หลังตรวจสอบพบพิรุธจากการโอนเงินที่ได้จากการทุจริต และมีความเชื่อมโยงกับการโอนเงินบางส่วนผ่านเว็บพนันออนไลน์ ขณะเดียวกัน ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักงานจังหวัดทุกราย ที่มีการลงลายมือในเอกสารการเงิน ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่ยังไม่มีการอายัดบัญชีเงินฝากของข้าราชการรายใด รวมทั้งนางประชิต วงศ์ประภารัตน์ นักวิชาการการเงินและบัญชี ชำนาญการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายหลังเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาในคดีดังกล่าวความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ขณะที่ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงในระดับจังหวัด ที่มีปลัดจังหวัดทำหน้าที่ประธานสอบสวน หลังจากตัวแทนภาคประชาชนได้ยื่นหนังสือผ่านผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดที่ศูนย์ดำรงธรรม สำนักงานจังหวัด 2 เพื่อขอทราบผลการสอบข้อเท็จจริงปัญหาจากการใช้งบประมาณแผ่นดินที่มีข้อบกพร่อง ของคณะกรรมการทุกชุดในระดับจังหวัดให้ทราบโดยไม่ประวิงเวลา
ล่าสุด ศูนย์ดำรงธรรมยังไม่ตอบหนังสือให้ทราบ โดยอ้างว่าแม้จะมีกรรมการสอบสวนเสร็จแล้วในระดับจังหวัด แต่จะต้องส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเพื่อลงโทษทางวินัยและทางละเมิดเพื่อชดใช้ค่าเสียหายกับข้าราชการหลายราย จึงไม่เข้าข่ายการรายงานผลสอบเบื้องต้นให้ทราบตามที่มีการยื่นของเอกสารตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ