“ราเมศ” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นขอสำนวนอัยการ คดีสั่งไม่ฟ้อง “บอส อยู่วิทยา” หวังตรวจสอบข้อพิรุธใหม่ในกระบวนการยุติรรม
เมื่อเวลา 13.40 น. วันนี้ (4 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอคำสั่งพิจารณาไม่ฟ้องคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ขับรถชนตำรวจสน.ทองหล่อเสียชีวิต พร้อมผลการประชุมหรือความเห็นของคณะทำงานทุกชุด และเอกสารอื่นในสำนวนคดีนี้ โดยการขออาศัยพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ พ.ศ.2542
นายราเมศ กล่าวว่า การขอข้อมูลในวันนี้ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ เราก็ขอในส่วนพนักงานสอบสวนสรุป
สำนวนแล้ว พยานเอกสาร พยานบุคคล ซึ่งเอกสารเหล่านี้เราจำเป็นต้องได้มาเพื่อจะนำมาตรวจดูว่ามีข้อพิรุธหรือมีการใช้อำนาจไม่ถูกต้องชอบธรรมอย่างไร เชื่อว่าอัยการมีสิทธิที่จะชี้แจง แต่ถ้าเกิดว่ามีข้อพิรุธบกพร่องหรือความผิดที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วจากการสั่งคดีของรองอัยการสูงสุด เราจะต้องดำเนินการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมเกิดความโปร่งใส ไม่เช่นนั้นในวันข้างหน้าถ้าเกิดพบข้อพิรุธมาอีก แล้วแบบนี้สังคมจะฝากความหวังไว้กับกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร แต่ขอยืนยันว่าการตรวจสอบองค์กรอัยการ และตำรวจนั้นไม่อยากให้เหมารวมว่าคนในองค์กรนั้นไม่ดีทั้งหมด เพราะเชื่อว่าในองค์กรมีคนดีปฏิบัติหน้าที่ที่ตรงไปตรงมาจำนวนมาก
นายวิลาศ กล่าวว่า ตนเป็นอีกหนึ่งคณะทำงานที่จะมาขอคำวินิจฉัยของทางสำนักงานอัยการสูงสุดว่าการสั่งคดีเป็นอย่างไร ประกอบกับขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดก็มีคณะทำงาน และล่าสุดแถลงผลการตรวจสอบ แม้ตอนแรกจะบอกว่าคดีสิ้นสุดไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยมีพยานหลักฐานใหม่ในเรื่องสารโคเคนและความเร็วของรถ สำหรับตนนอกจากสองประเด็นนี้แล้วตนอยากจะขอรายละเอียดของสำนวน โดยจะนำไปดูว่ามีประเด็นอื่นนอกเหนือจากนี้หรือไม่ เพื่อจะนำไปเสนอสั่งพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งเรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากหลายประเด็นประชาชนเห็นว่ามันมีความไม่ตรงไปตรงมา ฉะนั้นนอกจากที่จะหาประเด็นใหม่มันยังจะต้องหาผู้กระทำความผิดที่อาจจะมีการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อดำเนินคดีคนเหล่านั้นด้วย
“การที่ตนเข้ามาตรวจสอบนั้นจะทำให้เราเห็นว่ามีสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข เช่น เทียบกรณีคำพิพากษาศาลสิ้นสุดก็จะมีการเปิดเผยหมด แต่อัยการที่ใช้อำนาจคล้ายศาลเรากลับไม่มีสิทธิเข้าไปตรวจสอบ ตนจึงเห็นว่าเมื่ออัยการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องควรเปิดเผยได้ อีกประการหนึ่งควรกำหนดกรอบระยะเวลาทำงาน โดยจะอ้างว่ามีการร้องขอความเป็นธรรมแบบนี้มันจะไม่มีที่สิ้นสุด จนสุดท้ายเราเองก็ไม่มั่นใจว่ามีการเอื้อประโยชน์กันหรือไม่ ตนขอบอกว่าสำนักงานอัยการสูงสุดคนส่วนใหญ่เป็นคนดี แต่ทุกสังคมมันมีทั้งคนดีและคนเลว ฉะนั้นเรามาร่วมกันขจัดคนเลวอย่าให้ใหญ่ขึ้น” นายวิลาศ กล่าว