สิงห์บุรี - ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับผู้ต้องหาค้ายาเครือข่าย “จูน บ่อดิน” นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง ยึดทรัพย์ได้กว่า 100 ล้านบาท
วันนี้ (15 ก.ย. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 พร้อมด้วยชุดสยบไพรี กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับตัวนายอานนท์ กิรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาร่วมกันสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด กลางไร่ข้าวโพดบริเวณด้านหลังบ้านพัก หลังจากที่นำกำลังเข้ามาตรวจค้นแล้วไม่พบตัวผู้ต้องหา ตำรวจจึงใช้โดรนบินสำรวจโดยรอบบริเวณบ้าน และพบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาบริเวณด้านหลังบ้านที่กำลังวิ่งหนีเข้าไปในไร่ข้าวโพด
สำหรับนายอานนท์ ตำรวจมีข้อมูลว่าเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนายจิตพันธ์ มีเมือง หรือ “จูน บ่อดิน” ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง ที่ถูกจับไปเมื่อเดือน มิ.ย.2563 แต่ผู้ต้องหายังให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่ารู้จักกับนายจูน บ่อดิน เพราะนายจูน ได้พามาดูแล แต่ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนที่วิ่งหลบหนีเพราะรู้สึกกลัวที่มีตำรวจมาค้นบ้าน
ส่วนอีกจุดหนึ่งที่ตำรวจวางกำลังเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับในเครือข่ายเดียวกัน คือ นายพรเทพ ภู่เจริญวณิชย์ โดยพบว่าอุปสมบทอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี จึงได้นำหมายจับมาแสดง ขณะที่พระรูปนี้กำลังบิณฑบาตอยู่ในหมู่บ้าน จากนั้นได้นำตัวไปลาสิกขาเพื่อนำมาดำเนินคดี ซึ่งนายพรเทพ ยอมรับว่ารู้จักกับนายจูน มานานหลายปีแล้ว เพราะเป็นช่างสักลวดลายบนร่างกาย แต่อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
นอกจากนี้ ยังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งใน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เพื่อจับกุมนายอัจฉริยะ ชื่นชม ที่เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญของเครือข่ายนี้เช่นกัน โดยจะร่วมกันทำหน้าที่หาลูกค้า และดำเนินการเรื่องการเงินค่ายาเสพติดให้แก่นายจูน บ่อดิน
ด้าน พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหาที่จับได้มีความเกี่ยวข้องกับ นายจูน บ่อดิน โดยมีทั้งข้อความการติดต่อนำยาเสพติดไปกระจายหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะ จ.สิงห์บุรี และลพบุรี อีกทั้งยังเป็นผู้ดูแลเรื่องการโอนเงินค่ายาเสพติดของคนอื่นๆ ให้แก่นายจูน ด้วย
สำหรับนายจูน บ่อดิน เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง ที่สามารถรับยาเสพติดมาจากชายแดนภาคเหนือครั้งละจำนวนมาก ก่อนนำยาเสพติดมาเก็บไว้ในโกดัง จ.สิงห์บุรี และจะให้เครือข่ายหาลูกค้ากระจายยาเสพติดต่อ โดยทำมาตั้งแต่ปี 2553 จนถูกออกหมายจับเมื่อปี 2561 และถูกจับไปเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยพบว่ามีเงินหมุนเวียนในเครือข่ายกว่าพันล้านบาท