เพชรบูรณ์ - อุตสาหกรรมจังหวัดแจงบริษัทอัคราฯ ยื่นขออาชญาบัตรพิเศษเหมืองแร่ทองคำ 2 อำเภอ กว่า 440,000 ไร่ ตั้งแต่ปี 46-48 แต่ชะลอเรื่องไว้นาน กระทรวงฯ เพิ่งแจ้งพิจารณาตามขั้นตอน หากประชาชนไม่เห็นด้วยให้ยื่นค้านได้
วันนี้ (10 ก.ย.) นายเชวงศักดิ์ คำตา อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวชี้แจงถึงการปิดประกาศกรณี บริษัท อัครารีซอร์สเซสจำกัด (มหาชน) ยื่นขออาชญาบัตรพิเศษเหมืองแร่ทองคำและแร่เงินในเขตพื้นที่ 10 ตำบลของ อ.ชนแดน และ อ.วังโป่ง รวมเนื้อที่ราว 4.4 แสนไร่ ว่า ทางบริษัทฯ ได้ยื่นขออาชญาบัตรพิเศษไว้ตั้งแต่ปี 2546-2548 แต่เนื่องจากมีการชะลอไว้ในช่วงหนึ่ง กระทั่งปัจจุบันได้รับนโยบายจากทางกระทรวงฯ จึงได้มีการพิจารณาคำขอไปตามขั้นตอน
ส่วนประกาศฉบับนี้โดยเจตนาเพื่อให้ทราบว่าทางบริษัทฯ ได้ยื่นขออาชญาบัตรในพื้นที่ใดบ้าง และมีพื้นที่จำนวนเท่าไหร่ เป็นขั้นตอนทางกฎหมายและสิทธิของผู้ประกอบการที่จะยื่นขออาชญาบัตรดังกล่าว หากประชาชนไม่เห็นด้วยหรือต้องการคัดค้านก็สามารถนำเสนอข้อคิดเห็นมาได้เช่นเดียวกัน
นายเชวงศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับอาชญาบัตรพิเศษฉบับนี้เพียงแค่ขอสำรวจแร่ทองคำและแร่เงินเฉยๆ ยังไม่ใช่ขั้นตอนการขอทำเหมืองแร่ทองคำเป็นแค่การขอสำรวจเท่านั้น และตามขั้นตอนของกฎหมายการปิดประกาศกำหนดระยะเวลาไว้ 30 วัน เพื่อเปิดให้โอกาสให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยได้แสดงเหตุผลในการคัดค้าน ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งสถานที่ที่มีการปิดประกาศฉบับนี้ หรือจะส่งมาที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดก็ได้
หลังจากนั้น ก็จะมีการรวบรวมข้อมูลข้อคิดเห็นเหล่านี้นำเสนอต่อทางผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเป็นความเห็นของทางจังหวัดนำเสนอต่อไป ซึ่งในขั้นตอนคงใช้ระยะเวลาไม่นานเนื่องจากมีระยะเวลากำหนดไว้เช่นกัน
นายเชวงศักดิ์ ยังตอบข้อถามถึงความรู้สึกลำบากใจหรือไม่ กรณีที่มีกลุ่มคัดค้านไม่เอาเหมืองแร่ รวมทั้งเครือข่ายประชาชนเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการออกอาชญาบัตรพิเศษเหมืองแร่ทองคำฉบับนี้ว่า คงตอบไม่ได้ว่าลำบากใจหรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนตามระเบียบกฎหมายที่วางไว้ หากมีกลุ่มคัดค้านหรือประชาชนไม่เห็นด้วยเสนอมาก็รับเรื่องไว้ จังหวัดไม่มีอำนาจจะชี้ขาด เพียงแต่รวบรวมข้อคิดเห็นเหล่านี้เพื่อนำเสนอไปที่กระทรวงฯ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ยื่นคัดค้านมา เพียงแต่มีการแสดงความไม่เห็นด้วยทางสื่อโซเชียลมีเดียเท่านั้น
"ในจุดนี้ไม่ได้มีการกำหนดให้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน หรือทำประชาพิจารณ์ ก็จะเป็นดุลพินิจของทางผู้ว่าราชการจังหวัด โดยจะดูตามข้อเสนอของทางสำนักงานอุตฯ ว่ามีข้อเสนออย่างไร มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ หรือเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลไหม และมีการคัดค้านกันในประเด็นไหน ก็จะมีการรวบรวมเพื่อนำเสนอไป ส่วนจะเห็นควรอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ว่ากันไป"
