ศูนย์ข่าวศรีราชา - ไม่หยุดนิ่ง! เมืองพัทยา เร่งศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่แหลมบาลีฮาย พร้อมจัดรับฟังความเห็นประชาชนก่อนผุด 3 เมกะโปรเจกต์ งบเกือบ 2.9 พันล้านบาท ทั้งพัฒนาท่าเรือสำราญ ปรับโครงการวอล์กกิ้งสตรีท เพิ่มพื้นที่นันทนาการทางน้ำ
วันนี้ (8 ก.ย.) นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาพื้นที่แหลมบาลีฮาย สู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ภายใต้นิยาม “เมืองท่องเที่ยวแห่งนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ซึ่งการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ที่ศูนย์ประชุมมหาไถ่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
โดยมี นายทรงกริช สรรพกิจ กรรมการผู้จัดโครงการฯ นำกลุ่มตัวแทนองค์กรภาครัฐและเอกชน เช่น กรมเจ้าท่า ท่องเที่ยวและกีฬา ฐานทัพเรือสัตหีบ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ผู้นำชุมชน ประชาชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกว่า 300 คนเข้าร่วม
นายรณกิจ เผยว่า เมืองพัทยามุ่งหวังที่จะให้เกิดการพัฒนาท้องถิ่นและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนด้วยการบริหารจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเป็นมาตรฐาน สอดรับต่อนโยบายการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ หรือโครงการ EEC ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติและระดับภูมิภาค
ประกอบด้วย โครงการพัฒนาพื้นที่เชื่อมโยงระดับชาติ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง และการพัฒนาท่าเรือพาณิชย์ ซึ่งจะรองรับการขยายตัวของการคมนาคมขนส่งทางอากาศ และการลงทุนด้านการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยเมืองพัทยา ได้ว่าจ้างบริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด ให้จัดทำโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาพื้นที่แหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา ให้มีความยั่งยืน สมดุลทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง สภาพทางกายภาพและภูมิทัศน์เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้แก่เมืองพัทยา
รวมทั้งยกระดับแนวทางการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
การประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ เพื่อนำผลการศึกษาของโครงการและผลการรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากประชาชนทุกภาคส่วนไปจัดทำรายงานการศึกษาให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างครบถ้วน
นายทรงกริช สรรพกิจ กรรมการผู้จัดโครงการฯ เผยว่า โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาพื้นที่แหลมบาลีฮาย แบ่งเป็น 3 ส่วนหลักภายใต้งบประมาณรวม 2,885,774,741 บาท ประกอบด้วย 1.ส่วนของพื้นที่ในการจัดทำท่าเทียบเรือสำราญ หรือ Terminal Cruise บริเวณปลายแหลม พร้อมอาคารอำนวยการขนาด 2 ชั้น ซึ่งกรมเจ้าท่าจะเป็นผู้ดำเนินการเอง
2.การพัฒนาพื้นที่นันทนาการในส่วนท่าเทียบเรือบาลีฮาย ที่จะขยายพื้นที่เพื่อสร้างถนน 4 เลน และเปิดลานให้โล่งเพื่อรองรับการจัดกิจ กรรมต่างๆ รวมทั้งขยายพื้นที่ในน้ำ (Waterfront) ด้วยการทำลานยื่นลงไปในทะเลระยะทาง 50 เมตร
โดยจะใช้พื้นที่รวมกว่า 15 ไร่ สำหรับก่อสร้างห้างสรรพสินค้า ท่าเทียบเรือแห่งที่ 2 ทางเดิน Sky Walk และพื้นที่รองรับประชาชนที่เดินทางมากับรถไฟฟ้ารางเบา หรือโมโนเรล เพื่อเชื่อมโยงการเดินทาง
และ 3.พัฒนาโครงการวอล์กกิ้งสตรีท ที่จะมีการจัดทำพื้นที่ขนานในทะเลบริเวณด้านหลังอาคาร และจะกันแนวอาคารจากฝั่งในระยะ 40 เมตร เพื่อสร้างพื้นที่พาณิชยกรรมแห่งใหม่ขนาด 3.8 หมื่นตารางเมตร สำหรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พบว่า กว่า 60% เห็นด้วยกับแนวทางการพัฒนาพื้นที่แหลมบาลีฮายในส่วนแรก โดยเชื่อว่าจะก่อให้เกิดรายได้ต่อประชาชน และยังได้พื้นที่ในการพักผ่อนควบคู่กันไป
ส่วนการก่อสร้างอาคารยื่นลงไปในทะเลซึ่งเป็นแผนพัฒนาในส่วนที่ 2 จะต้องขออนุญาตจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. ก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้
และส่วนที่ 3 พบว่า โครงการวอล์กกิ้งสตรีท ติดปัญหาเรื่องของการบุกรุกตามมติ ครม. เดิมซึ่งอาจจะต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ผู้บุกรุกเดิมสามารถอยู่ในพื้นที่ต่อได้ในระยะที่กำหนด และจะมีการขอพื้นที่กลับมาเพื่อพัฒนาอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุม คณะผู้จัดทำจะทำร่างโครงการประกาศการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership ) ยังได้เข้าหารือกับคณะทำงาน EEC เพื่อพิจารณาโครงการดังกล่าวก่อนจะนำเข้าสู่การประชุม ครม.เพื่อให้อนุมัติตามขั้นตอนดำเนินงาน และสรรหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนต่อไป