กาญจนบุรี - ผบ.พล.ร.9 ลงพื้นที่ชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ หามาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 หลังพม่าระบาดรอบ 2 พร้อมเน้นย้ำคุมเข้มช่องทางเข้าออกตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้นทั้ง 371 กม. 43 ช่องทาง ป้องกันเชื้อลามเข้าไทย
จากกรณีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศพม่า เพื่อให้คุมเข้มการลักลอบเดินทางเข้ามาของบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างผิดกฎหมายทุกช่องทาง เนื่องจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 2
ต่อมา วันที่ 28 ส.ค.63 ที่ผ่านมา นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กจ 0017.2/ว 14937 เรื่อง เน้นย้ำการดำเนินการป้องกันบุคคลต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย แจ้งให้ส่วนราชการ และอำเภอบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเน้นย้ำกำนัน ผู้ใหญ่บ้านของพื้นที่ที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติให้ระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาของบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด
ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่มีแนวเขตติดกับประเทศพม่า เป็นระยะทาง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออกมากถึง 43 ช่องทาง
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (29 ส.ค.) ที่ห้องประชุมอาคารชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองกำลังสุรสีห์ ที่ 104 บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เป็นประธานการประชุมเพื่อวางมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบ 2 ที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่เมืองชิตตะเว รัฐยะไข่ และเริ่มมีการตรวจพบผู้ป่วยและผู้ต้องสงสัยในเมืองมะละแหม่ง (เมาะลำเลิง) ที่อยู่ห่างจากชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ ออกไปเพียงแค่ประมาณ 270 กิโลเมตร ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ มีนายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี นายศุภกร สุขประสิทธิ์ สาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่ 134 ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดย พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ ผบ.พล.ร.9 ได้กล่าวเน้นย้ำให้มีการปิดเส้นทางเข้าออกตามแนวชายแดนของจังหวัดกาญจนบุรีในทุกช่องทาง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของแรงงานชาวพม่า
สำหรับพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มีแนวเขตติดกับประเทศพม่า รวม 5 อำเภอ จาก 13 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ด่านมะขามเตี้ย อ.เมือง อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ และ อ.สังขละบุรี ระยะทาง 371 กิโลเมตร รวม 43 ช่องทาง
โดยให้หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ อส. ตม. ตชด.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. ร่วมกันในการวางกำลังตามช่องทางธรรมชาติ ตั้งแต่บริเวณบ้านน้ำเกิ๊ก จนถึงบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งมีช่องทางธรรมชาติที่ชาวบ้านทั้งไทย และพม่า ใช้เดินทางข้ามแดนมากกว่า 20 ช่องทาง โดยให้ทหารเป็นหลักในการเฝ้าระวัง รวมทั้งให้มีการออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันการหลบหนีเข้ามาในช่วงกลางคืนอย่างเข้มข้น
สำหรับสินค้าด้านการเกษตรที่มีความจำเป็นในช่วงนี้ยังให้ผู้ประกอบการนำสินค้าเข้าออกได้ตามปกติ โดยกำหนดให้มีจุดรับส่งสินค้าบริเวณชายแดน โดยไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการชาวพม่าข้ามเข้ามาส่งสินค้าในไทย ส่วนผู้ประกอบการชาวไทยก็ยังไม่อนุญาตให้ข้ามไปส่งสินค้ายังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น หรืออาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งตามสถานการณ์ภายหน้า
สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ วันนี้พบว่ายังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกกันอย่างต่อเนื่อง แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือร้านจำหน่ายสินค้าประเภทบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ปลอดภาษีที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ NO MAN LAND รวมทั้งร้านจำหน่ายสินค้าประเภทกล้วยไม้ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่นั้นเป็นชาวพม่าทั้งสิ้น จุดนี้เองอาจจะเป็นช่องโหว่ของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็เป็นไปได้
แต่อย่างไรก็ตาม พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ ผบ.พล.ร.9 ได้สั่งการให้มีการจัดเวรยามและประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวไม่ให้ซื้อสินค้าในบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งจะทำการปิดกั้นช่องทางเข้าออกบริเวณดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.) อีกทั้งได้กำชับให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
หากยังพบว่ามีชาวพม่าลักลอบเข้ามาในพื้นที่ จะได้มีการดำเนินการลงโทษทางวินัยและอาญาต่อเจ้าหน้าที่ เนื่องจากหากมีการแพร่ระบาดในพื้นที่จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างใหญ่หลวง เพราะ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก