เชียงราย - ตำรวจนำหมายศาลตามจับถึงลำปาง ก่อนหิ้วทำแผนฯ..“ไอ้หนุ่มเจียมเจียว” พฤติกรรมสุดแสบ โพสต์เฟซฯ อ้างจบนอก-ตีสนิทหลอกอาสาพาสาวส่งกลับบ้าน ถึงจุดชมวิวดอยแม่สลองกลับจอดรถชิงทรัพย์-ข่มขืน ก่อนบึ่ง จยย.หนีข้ามจังหวัด
วันนี้ (25 ส.ค.) พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นำพนักงานสอบสวน สภ.แม่ฟ้าหลวงควบคุมตัวนายเจียมเจียว แซ่เติ๋น อายุ 38 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 6 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพฐานข่มขืนกระทำชำเราฯ
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากหญิงสาวชาว ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง ว่าขณะตนยืนรอเพื่อนอยู่บริเวณหน้าร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง สาขาบ้านป่าซาง ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ต่อมานายเจียมเจียวได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงินเทา หมายเลขทะเบียน 1 กท 3584 เชียงราย เข้ามาเทียบและทำความรู้จักก่อนจะรับอาสาจะพาไปส่งบ้าน
ซึ่งหญิงสาวผู้เสียหายยอมตามไปด้วยเพราะระยะทางจะกลับบ้านไกลมาก แต่เมื่อนายเจียมเจียวขับไปถึงจุดชมวิวบ้านผาเดื่อ หมู่ 6 ต.แม่สลองใน กลับจอดรถข้างทางแล้วใช้กำลังชิงทรัพย์เป็นเงินจำนวนประมาณ 1,000 บาท และกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ ก่อนขับขี่รถหลบหนีไป ทำให้หญิงสาวได้ขอให้ชาวบ้านที่ผ่านไปมาช่วยและไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกสืบสวนสอบสวนจนได้หลักฐานขอหมายจับศาล จ.เชียงราย และเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมาสืบทราบว่านายเจียมเจียวได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุไปอยู่กับคนรู้จักที่บ้านหมู่ 12 ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง เจ้าหน้าที่จึงร่วมกับ กก.สส.4 บก.สส.ภ.5 และ สภ.งาว เข้าจับกุมตัว
และแจ้งข้อกล่าวหาว่า "ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นไม่สามารถขัดขืนได้" และข้อหา "ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้พาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป" ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพและส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า ผู้ต้องหาเคยต้องโทษคดีชิงทรัพย์มาก่อน เพิ่งพ้นโทษมาได้ 3 เดือน และมีการโพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่าเรียนจบจากต่างประเทศและเป็นคนดีมีฐานะ เมื่อสอบถามชาวบ้านก็ทราบว่ามักจะมีพฤตกรรมอ้างว่าเป็นคนดี แต่มีพฤติกรรมน่าสงสัยหลายครั้งแต่ยังไม่มีใครไปแจ้งความร้องทุกข์เหมือนรายนี้ ดังนั้นจึงขอเตือนหญิงสาวทั่วไปที่พบคนมีพฤติกรรมเช่นนี้ให้ระมัดระวัง