ตราด - อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลฯ ยกภาคตะวันออกมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูง แต่ยังเจอปัญหาเรื่องการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่ง ขยะทะเล เร่งเดินหน้าแก้ไขคู่การอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนใน 3 จังหวัดโครงการอีอีซี
วันนี้ ( 23 ส.ค.) นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยถึงแผนพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกซึ่งอยู่ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่จะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.สัญจร จ.ระยอง ระหว่างวันที่ 24-25 ส.ค.นี้ ว่า ประกอบไปด้วย ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำและป่าชายเลนทุกโปรงทอง จ.ระยอง และป่าชายเลนอําเภอเมือง จ.ชลบุรี รวมทั้งป่าชายเลน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
โดยมีจุดประสงค์สำคัญเพื่อการอนุรักษ์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และยังจะช่วยสร้างรายได้ให้มชน อีกทั้งยังช่วยรองรับการต่อยอดการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซีในอนาคต
ทั้งนี้ พื้นที่ภาคตะวันออกถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะใน จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ที่มีพื้นที่ป่าชายเลนรวมกันกว่า 342,866 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ประมาณ 149,284.81 ไร่ หรือราวร้อยละ 43.54
นอกจากนั้น ยังมีแนวปะการังตามหมู่เกาะสําคัญ เช่น เกาะช้าง เกาะกูด และเกาะหมาก เนื้อที่รวมกว่า 1,800 ไร่ และยังมีแหล่งหญ้าทะเลบริเวณอ่าวคุ้งกระเบนอีกประมาณ 2,500 ไร่ รวมถึงสัตว์ทะเลหายากอีกหลายชนิด ทั้งเต่าทะเล วาฬ โลมา เป็นต้น
แต่ในทางกลับกันภาคตะวันออกยังคงประสบปัญหาเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่า การกัดเซาะชายฝั่ง ขยะทะเลและปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ซึ่งในหลายๆ ปัญหา กรมทรัพยากรและชายฝั่ง ได้ดําเนินการแก้ไขไปบางแล้ว เช่น การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งด้วยการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นในพื้นที่หาดโคลน
และโครงการพื้นที่สาธิตบริหารจัดการขยะทะเลครบวงจรแบบมีส่วนร่วม ณ พื้นที่สวนสาธารณะโขดปอ และชุมชนเนินพระ จ.ระยอง เป็นต้น