เลย - จังหวัดเลยเข้มคัดกรองโควิด-19 รับคนงานไทยเขื่อนไซยะบุรี 19 คนกลับเข้าไทย คุมกักตัว 14 วันในโรงแรมกลางเมืองเลย หนึ่งในผู้ต้องกักตัวเผยหลังเดินทางเยี่ยมสามีทำงานเขื่อนเกิดเหตุการณ์โรคระบาดพอดีทำให้ติดค้างฝั่งลาวนานกว่า 5 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ส.ค.) ที่ด่านพรมแดนนากระเซ็ง สะพานมิตรภาพน้ำเหืองไทย-ลาว บ้านนากระเซ็ง ต.อาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 22 ค่ายศรีสองรัก นำกำลังพลมาช่วยอำนวยความสะดวกรับชาวไทยจำนวน 19 คนที่ทำงานอยู่ในเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว เดินทางกลับเข้าประเทศ
โดยมีฝ่ายปกครองอำเภอท่าลี่ สำนักงานจังหวัดเลย เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอท่าลี่ เจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและควบคุมโรคที่ 8 (อุดรธานี) เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรท่าลี่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเลย ทำการตรวจคัดกรองทั้งร่างกายและเอกสารต่างๆ
ซึ่งทั้ง 19 คนได้รับการคัดกรองและรับรองจากสถานทูตไทยประจำนครหลวงเวียงจันทน์มาแล้ว
พ.อ.พิทักษ์พลเปิดเผยว่า กำลังพลจากหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 22 ได้มาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เดินทางกลับมาในราชอาณาจักรไทย โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทางรัฐบาลไทยกำหนดไว้
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนที่ด่านพรมแดนท่าลี่แล้วจะนำคนไทยทั้ง 19 คนไปที่โรงแรมเลยออร์คิดในตัวเมืองเลย สถานที่กักตัว 14 วัน โดยเจ้าหน้าที่จะมีการควบคุมให้อยู่ในโรงแรมอย่างเข้มงวด ไม่ให้ออกนอกพื้นที่โรงแรมเป็นอันขาด
โดยหนึ่งคนไทยที่เดินทางกลับครั้งนี้เปิดเผยว่า ตนและลูกสาวเดินทางไปเยี่ยมสามีที่ทำงานอยู่ในเขื่อนไซยะบุรีในช่วงที่ลูกปิดเทอม หลังจากนั้นก็เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิดจึงไม่สามารถกลับประเทศไทยได้เป็นเวลากว่า 5 เดือน รู้สึกคิดถึงบ้าน ลูกสาวก็อยากกลับไปเรียนหนังสือ คิดถึงเพื่อนๆ
"ต้องขอบคุณทางบริษัทของสามีและทางการลาว รวมทั้งทางการไทยที่อนุญาตให้กลับบ้านได้ ความรู้สึกแรกที่ได้ข้ามแม่น้ำเหืองเข้ามาในฝั่งไทยดีใจมาก"