เลย - รัฐบาลลาวเด็ดขาดได้ใจประชาชน สั่งปิดด่านติดต่อกับไทยตลอดแนวชายแดนหมดแล้ว แม้ชาวลาวตกค้างที่ด่านท่าลี่ 95 คนก็ไม่ผ่อนปรน ทางจังหวัดเลยต้องจัดหาที่พักพร้อมอาหารเครื่องดื่มบริการฟรีจนกว่าด่านเปิดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ที่ด่านพรมแดนนากระเซ็ง ต.อาฮี อ.ท่าลี่ มีประชาชนชาว สปป.ลาวที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และในอีกหลายพื้นที่ของไทย เช่น จ.เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ขอนแก่น หนองบัวลำภู ได้พากันเดินทางกลับภูมิลำเนาฝั่งลาว เนื่องจากสถานบริการ โรงงานของไทยปิดกิจการจากคำสั่งของรัฐบาลไทยตามมาตรการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ได้มีแรงงานชาวลาว 95 คนที่เดินทางมายังด่านชายแดนเพื่อทำพิธีข้ามแดนล่าช้า ข้ามแม่น้ำเหืองไปยังฝั่ง สปป.ลาวได้ไม่ทันด่านปิดเสียก่อน ซึ่งเป็นไปตามที่เจ้าแขวงไชยะบุรีได้ทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พะเยา น่าน และอุตรดิตถ์ก่อนหน้านี้ แจ้งปิดด่านพรมแดนที่ติดต่อกับประเทศไทย ทั้งหมด 5 แห่ง มีผลทันทีเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา โดยไม่มีการอนุโลมให้คนลาวข้ามไปได้เหมือนช่วงก่อนหน้านี้
โดยหนังสือสั่งปิดด่านชายแดนลาว-ไทยฉบับดังกล่าวระบุว่า เนื่องจากสภาพปัจจุบันที่การระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (COMD-19) ในทั่วโลกทำให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทั่วโลก และประเทศใกล้เคียง กลายเป็นการระบาดใหญ่ เพื่อเป็นการป้องกัน และสกัดกั้น พร้อมทั้งเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการติดเชื้อ และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แขวงไชยะบุรีขอถือเป็นเกียรติอย่างสูงแจ้งมายังท่านทราบเกี่ยวกับการปิดการเดินทางของบุคคล เข้า-ออกด่านสากล 4 แห่ง
ประกอบด้วย ด่านสากลสะพานมิตรภาพน้ำเหือง เมืองแก่นท้าว, ด่านพู เมืองปากลาย, ด่านน้ำเงิน เมืองเงิน และด่านปางนอน เมืองคอน ของแขวงไชยะบุรีเป็นการชั่วคราว เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2020 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจะกลับคืนสู่สภาพปกติ เพื่อยุติการเข้า-ออกของบุคคล รวมทั้งผู้ที่ได้รับอนุญาตแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ออก หรือเข้ามา ส่วนพาหนะขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการด้านการขนส่งที่ได้รับอนุญาตดำเนินธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบการสามารถเข้า-ออกได้ แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและคําแนะนำของด่านสากล หนังสือระบุ
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าถึงเที่ยงวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร เจ้าหน้าที่ปกครอง ประจำด่านท่าลี่ ได้ทำการตรวจเช็กชาวลาวเบื้องต้น โดยการวัดอุณหภูมิ วัดไข้ ในจำนวน 95 คนของประชาชนชาวลาวนั้น มีอุณหภูมิสูง 5-7 คน อุณหภูมิร่างกายสูงผิดปกติมากกว่า 37.3 องศาฯ ก็ต้องมีการจำแนกออกจากกลุ่ม ซึ่งจะต้องมีการตรวจวัดอยู่หลายครั้ง
และหากมีการวัดซ้ำหลายๆ ครั้งแล้วอุณหภูมิร่างกายยังสูงอยู่ ก็จะให้ทางสาธารณสุขอำเภอท่าลี่นำตัวไปยังโรงพยาบาลท่าลี่เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรค
สำหรับสถานที่กักตัวชาวลาวที่ไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ทันกำหนดปิดด่านนั้น ทางจังหวัดเลยได้จัดไว้เป็นการเฉพาะกิจด้วยกัน 2 แห่ง คือ ศาลาวัดหลวงปู่ลาดทรงธรรม และศูนย์โอทอป อ.ท่าลี่ โดยทางจังหวัดได้เตรียมทีมบุคลากรทางการแพทย์ไว้คัดกรองตรวจร่างกายทุกเช้า และจัดเตรียมข้าวกล่องให้จำนวน 3 มื้อทุกวัน
ล่าสุด นายโสภณ สุวรรณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานที่กักตัวและชี้แจงแนวทางปฏิบัติตัวระหว่างพักในค่ายกักตัวให้แก่ราษฎร สปป.ลาว ที่ตกค้างเข้าใจว่าอย่างน้อยต้องอยู่ฝั่งไทยไปจนถึงวันที่ 19 เม.ย. 63
โดยในกรณีของพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางของคนลาวที่ตกค้างทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมจะทำเรื่องไปยังรัฐบาลไทยเพื่อขยายเวลาให้พี่น้องชาวลาวที่อยู่ในประเทศไทยด้วยการต่อพาสปอร์ตได้ไปจนถึงปลายเดือนเมษายนนี้
“คนลาวที่อยู่ที่อำเภอท่าลี่นี้ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ แต่เป็นผู้ที่เดินทางจะกลับประเทศลาว แต่ไม่สามารถเดินทางกลับได้ จำเป็นต้องกักตัวตามกฎหมายไทย ซึ่งอย่าเข้าใจผิดว่าพวกเขาป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดเป็นกระบวนการคัดกรองเฝ้าระวัง ให้พี่น้องชาวอำเภอท่าลี่ ชาวเลย สบายใจได้ เราทำตามกระบวนการคัดกรองทุกอย่าง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดทุกประการ” นายโสภณกล่าว